วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559

วุ้นกะทิมะพร้าวน้ำหอม

วุ้นกะทิมะพร้าวน้ำหอม รสชาติของวุ้นเข้มข้น ทำขายได้ราคาดีค่ะ

ส่วนผสมวุ้นกะทิมะพร้าวน้ำหอม

1. น้ำมะพร้าวน้ำหอม 350 มิลลิลิตร
2. กะทิกล่องอัมพวา 650 มิลลิลิตร
3. ผงวุ้น 1 ช้อนโต๊ะ + 2 ช้อนชา
4. น้ำตาลทรายขาว 250 กรัม
5. เกลือ 1 ช้อนชา
6. ใบเตยมัดเป็นปมสัก 1-2 มัด
7. เนื้อมะพร้าวตามชอบ

วิธีทำวุ้นกะทิมะพร้าวน้ำหอม

1. นำผงวุ้นแช่ในน้ำมะพร้าว 10 นาทีขึ้นไป (แนะนำให้ใช้มะพร้าวน้ำหอมแท้นะคะ เพราะน้ำมะพร้าวจะหวานหอมมากค่ะ)
2. ยกขึ้นตั้งไฟเคี่ยววุ้นจนสุก (ถ้าวุ้นสุกจะมีลักษณะใสๆ ไม่เป็นเม็ดเล็กๆเกาะที่ทัพพี)
3. พอวุ้นสุกใส่น้ำตาลทรายขาว เกลือ ใบเตยมัดเป็นปมลงไป คนจนน้ำตาลและเกลือเริ่มละลาย ใส่กะทิลงไปเคี่ยวต่อให้พอเดือดปุดๆบริเวณขอบหม้อก็ยกลง หยอดลงพิมพ์ ใส่เนื้อมะพร้าว พอเซ็ตตัวนำแช่ตู้เย็น

วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ซอสเย็นตาโฟ

ซอสเย็นตาโฟ

ส่วนผสมซอสเย็นตาโฟ

1. ซอสมะเขือเทศ 200 กรัม
2. ซอสพริก 100 กรัม
3. เต้าหู้ยี้ 6 ก้อนเล็กบดละเอียด
4. น้ำมันหอย 100 กรัม
5. น้ำตาลทราย 50 กรัม
6. กระเทียมดองสับละเอียด 100 กรัม
7. น้ำกระเทียมดอง 50 กรัม
8. น้ำส้มสายชู 40 กรัม
9. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
10. พริกขี้หนูแดงโขลกตามชอบ
11. สีแดงผสมอาหารเล็กน้อยผสมกับน้ำให้เข้ากัน (ไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำซอสเย็นตาโฟ

ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน นำไปตั้งไฟ คอยคนให้อยู่เรื่อยๆจน จนเดือดได้ที่ ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วเก็บใส่ภาชนะที่แห้งปิดฝาให้สนิท เก็บไว้ในตู้เย็นได้หลายวันค่ะ

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ข้าวเหนียวปิ้งไส้กล้วย

ข้าวเหนียวปิ้งไส้กล้วย

ส่วนผสมข้าวเหนียวปิ้งไส้กล้วย

1. ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 1 กิโลกรัม
2. กะทิอร่อยดี 3 กล่องเล็ก
3. น้ำตาลทราย 500 กรัม
4. เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ (พูนช้อนเลยค่ะ)
5. กล้วยค่อนข้างงอม (ปอกเปลือก ตัดแบ่งเป็น 8 ชิ้น / ลูก)

วิธีทำข้าวเหนียวปิ้งไส้กล้วย

1. นำข้าวเหนียวเขี้ยวงูมาล้างหลายๆครั้งจนน้ำใส แช่ทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง แล้วนำไปนึ่ง 35-40 นาที
2. ระหว่างรอข้าวเหนียวสุก นำกะทิ น้ำตาลทราย และเกลือป่นผสมคนไปทางเดียวจนน้ำตาลละลายหมด
3. พอข้าวเหนียวสุก ตักใส่ภาชนะ ทำช่องตรงกลางไว้ เทน้ำกะทิที่ผสมแล้วลงตรงกลาง ใช้ไม้พายคนให้เข้ากันกับข้าวเหนียว
4. คนเสร็จ ปิดฝาทิ้งไว้ 10 นาที แล้วมาคนอีกรอบจนทั่ว คนประมาณ 5 นาที และพักทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง จะได้ข้าวเหนียวมูนเม็ดสวย รสชาติอร่อย
5. ระหว่างพักข้าวเหนียวมูนไว้ เรามาเตรียมกล้วยค่อนข้างงอม ปอกเปลือก ตัดแบ่งเป็น 8 ชิ้น / ลูก
6. แล้วฉีกใบตองกว้างประมาณ 4-5 นิ้ว สำหรับห่อค่ะ
7. เมื่อมูนข้าวเหนียวได้ที่ พร้อมกับเตรียมกล้วยและใบตองเรียบร้อยแล้ว ก็จัดการห่อข้าวเหนียวกับกล้วยได้เลยค่ะ เสร็จแล้วนำไปย่างไฟจนใบตองเป็นสีเหลืองและข้าวเหนียวมีกลิ่นหอม ก็เสร็จพร้อมทานค่ะ
ลองดูค่ะ

แกงหมูชะมวง

แกงหมูชะมวง

ส่วนผสมแกงหมูชะมวง

1. พริกแกง (เตรียมส่วนผสมด้านล่าง นำมาโขลกรวมกันให้ละเอียด)
  • พริกชี้ฟ้าแห้ง หั่นแกะเมล็ดออกแช่น้ำ 7 เม็ด (หรือถ้าชอบเผ็ดก็เพิ่มได้)
  • ตะไคร้ซอย
  • ข่าซอย
  • กระเทียมแกะเปลือก 10-15 กลีบ
  • หอมแดงแกะเปลือก 5 หัว
  • กะปิ
  • เกลือป่น
  • กุ้งแห้ง
  • รากผักชี
2. เนื้อหมูสันคอติดมัน (หรือเนื้อขาหมู) 1 กิโลกรัม
3. ใบชะมวง
4. ซีอิ้วดำหวาน
5. เกลือ
6. น้ำตาลปี๊บ
7. น้ำมะขามเปียก

วิธีทำแกงหมูชะมวง

1. นำเนื้อหมูสันคอติดมัน (หรือขาหมู) มาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมประมาณ 2 นิ้ว หมักด้วยน้ำตาลปี๊บ ซีอิ้วดำหวาน และเกลือ พักไว้ 4-5 ชั่วโมง
2. ตั้งกระทะไฟอ่อน ใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อน ใส่พริกแกงที่โขลกไว้ลงผัดจนแตกมัน
3. ฉีกใบชะมวงใส่ลงไปผัดจนใบชะมวงเริ่มเปลี่ยนสี นำเนื้อหมูที่หมักไว้มาผัดรวมกัน เติมน้ำเปล่า พอเดือดเติมน้ำตาลปี๊บและเกลือ เคี่ยวด้วยไฟอ่อน 20-30 นาที เติมน้ำมะขามเปียก เคี่ยวต่อจนเนื้อหมูนุ่ม (หรือถ้ามีหม้อตุ๋นแนะนำเลยค่ะ เพราะเนื้อหมูจะนุ่มมาก) เสร็จแล้ว ปิดไฟ เสิร์ฟทานกับข้าวสวยร้อนๆได้แล้วค่า

ไชโป๊วผัดไข่

ไชโป๊วผัดไข่ สูตรนี้แตกต่างกับไชโป๊วผัดไข่ธรรมดาก็ตรงที่ผัดใส่หัวกะทิ แต่ขอบกว่าอร่อยหอมมันนะคะ ทานกับขาวสวย หรือ ข้าวต้ม หรือ ข้าวแช่ก็ได้ค่ะ

ส่วนผสมไชโป๊วผัดไข่

1. ไชโป๊วฝอยล้างสะอาดบีบให้แห้ง 1 ถ้วย
2. หัวกะทิ 6 ช้อนโต๊ะ
3. หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
4. ไข่เป็ด 2 ฟอง
5. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำไชโป๊วผัดไข่

1. นำกระทะตั้งไฟ ใส่หัวกะทิลงผัดจนแตกมัน
2. แล้วใส่หอมแดงซอยลงผัดจนหอม
3. ใส่ไชโป๊วฝอยผัดให้เข้ากันจนทั่ว
4. เติมน้ำตาลปี๊บลงผัดไฟอ่อนไปเรื่อยๆจนเนื้อไชโป๊วเริ่มใส ปรุงรสด้วยน้ำปลาคนให้เข้ากัน ตอกไข่ใส่ลงไปผัดต่อจนแห้ง ปิดไฟ ตักใส่จานเสิร์ฟได้เลยค่ะ

น้ำพริกนรกกากหมู

น้ำพริกนรกกากหมู

ส่วนผสมน้ำพริกนรกกากหมู

1. หอมแดงซอย 2 ขีด
2. กระเทียมโขลกพอหยาบๆ 2 ขีด
3. พริกแห้ง 2 ขีด
4. กุ้งแห้ง 1 ขีด
5. กะปิ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำตาลทราย 12 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มลดได้ตามชอบเลยค่ะ)
7. เกลือ (ถ้าชิมแล้วอ่อนเค็มก็เติมได้ตามชอบค่ะ)
8. กากหมูกรอบๆ

วิธีทำน้ำพริกนรกกากหมู

1. นำหอมแดงซอย พริกแห้ง และกุ้งแห้งลงทอดในน้ำมันให้หอมเหลือง แล้วใส่ถ้วยพักไว้ (ทอดแยกกันนะคะ) จากนั้นคั่วกะปิในน้ำมันจนหอม พักไว้
2. จากนั้นก็โขลกส่วนผสมทุกอย่างให้ละเอียด (โขลกแยกแต่ละอย่างค่ะ) แล้วนำใส่ภาชนะคลุกเคล้าให้ทุกอย่างเข้ากัน ชิมรสดูใครชอบหวานชอบเค็มก็ปรุงเพิ่มได้เลย
3. เทลงกระทะตั้งไฟอ่อนๆ คั่วพอแห้ง แล้วก็กากหมูลงไปคั่วต่ออีกหน่อย เสร็จแล้ว ปิดไฟ ตักใส่ภาชนะ แล้วรอให้เย็นสนิทค่อยเก็บใส่กล่องหรือถุงมัดไม่ให้อากาศเข้า เพื่อความกรอบของกากหมูค่ะ เวลาทานกับข้าวสวยร้อนๆก็เพิ่มไข่ต้มยางมะตูมซักฟองก็ทานได้แล้วค่ะ

(กุ้งแห้งกับกะปิแต่ละยี่ห้อความเค็มอาจไม่เหมือนกัน ลองชิมดูแล้วก็เติมหวานเค็มตามความชอบได้เลยนะคะ)

ต้มโคล้งปลากรอบ

ต้มโคล้งปลากรอบ

ส่วนผสมต้มโคล้งปลากรอบ

1. ปลาย่าง 1 ตัว บิเป็นชิ้นๆ
2. พริกแห้งย่างไฟบุบพอแตก
3. หอมแดงย่างไฟบุบพอแตก
4. พริกขี้หนูซอย
5. ต้นหอมหั่นท่อน
6. ผักชีฝรั่งหั่นท่อน
7. ข่าหั่นแว่น
8. ตะไคร้หั่นท่อน
9. ใบมะกรูดฉีก
10. มะเขือเทศลูกเล็กผ่าครึ่ง
11. น้ำมะขามเปียก
12. น้ำมะนาว
13. น้ำตาลทราย
14. น้ำเปล่า (หรือน้ำซุปก็ได้)

วิธีทำต้มโคล้งปลากรอบ

1. เทน้ำเปล่าหรือน้ำซุปในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟ ใส่พริกขี้หนูซอย ข่าหั่นแว่น ตะไคร้หั่นท่อน และหอมแดงย่างไฟบุบพอแตกลงไปต้มให้เดือด
2. พอเดือดใส่น้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำตาลทรายลงไป ชิมรสให้ได้ตามต้องการ
3. ใส่ปลาย่างกรอบลงไป รอเดือดอีกครั้ง ใส่มะเขือเทศผ่าครึ่ง ต้นหอมหั่นท่อน ผักชีฝรั่งหั่นท่อน ใบมะกรูดฉีก พริกแห้งย่างไฟบุบพอแตก (แบ่งไว้โรยหน้าด้วยค่ะ) ลงไป ปิดไฟ
4. ใส่น้ำมะนาวลงไป ชิมรสอีกครั้ง ตักเสิร์ฟ โรยหน้าด้วยพริกแห้งที่เหลือก็อร่อยได้เลยค่ะ

ผัดหน่อไม้

ผัดหน่อไม้

ส่วนผสมผัดหน่อไม้

1. หน่อไม้ต้มสุกบรรจุถุง 4 ขีด (นำมาต้มทิ้งน้ำ 1 น้ำ)
2. หมูสับ 3 ขีด
3. พริกขี้หนูแดงจินดา 25 เม็ด
4. กระเทียมกลีบใหญ่ 5 กลีบ
5. พริกแกงแดง 1/2 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำปลาแท้ 2+1/2 ช้อนโต๊ะ
7. ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
8. ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
10. ใบกะเพรา 1 กำมือ
11. น้ำสะอาด 3 ทัพพี
12. น้ำมันหมู 1 ทัพพี

วิธีทำผัดหน่อไม้

1. โขลกพริกขี้หนูแดงจินดาและกระเทียมกลีบใหญ่ให้ละเอียดแบบหยาบๆ รอไว้
2. ตั้งกระทะไฟกลาง ใส่น้ำมัน พอร้อน ใส่พริกกระเทียมที่โขลกไว้ พริกแกงแดง และน้ำตาลทรายลงผัดพร้อมกันให้หอม
3. ใส่หมูสับลงผัดให้สุก ใส่หน่อไม้และน้ำเปล่านิดหน่อยลงไป รอให้เดือด
4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา ซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส ผัดให้เข้ากันจนน้ำงวด
5. ใส่ใบกะเพรา ผัดให้เข้ากันจนหอม ปิดไฟ ตักใส่จาน ทานกับข้าวสวยร้อนๆ

ปูผัดผงกะหรี่

ปูผัดผงกะหรี่

ส่วนผสมปูผัดผงกะหรี่

1. ปูม้าสด (ล้างขัดถูสะอาด แหวกตะปิ้ง แงะกระดอง ตัดเล็บ แยกกรรเชียงออกไว้ แล้วผ่าครึ่งปูที่เหลือค่ะ)
2. กระเทียมสับ
3. น้ำมันพืช
4. ต้นหอมหั่นท่อน
5. ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน
6. พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ
7. ไข่ไก่
8. กะทิ
9. น้ำมันพริกเผา
10. ผงกะหรี่
11. น้ำตาลทราย
12. น้ำปลา
13. ซีอิ๊วขาว
14. เกลือป่น

วิธีทำปูผัดผงกะหรี่

1. ตั้งกระทะ ไฟกลาง ใส่น้ำมันพืช รอให้น้ำมันร้อน ใส่กระเทียมสับลงผัดให้หอม นำปูลงไปผัด ปิดฝาไว้สักพัก อบให้ปูสุก
2. ตีไข่ไก่ให้ฟู เติมกะทิ น้ำมันพริกเผา ผงกะหรี่ น้ำตาลทราย น้ำปลา ซีอิ๊วขาว และเกลือป่น ตีให้เข้ากัน
3. เมื่อปูสุกใส่ต้นหอมและขึ้นฉ่ายลงไป แล้วราดส่วนผสมที่ตีไว้ลงไป
4. กระดกกระทะ 2-3 ครั้ง ไม่ต้องให้ไข่สุกมาก ใส่พริกชี้ฟ้าลงไป คนเพียงเล็กน้อย ปิดไฟ ตักใส่จานทานได้เลยค่า

ตับหวาน

ตับหวาน

ส่วนผสมตับหวาน

1. ตับหมู
2. น้ำสต๊อกที่ได้จากการต้มกระดูกหมู (ถ้าไม่มีก็ใช้น้ำเปล่า)
3. หอมแดง / ใบมะกรูด / ต้นหอม / ผักชีไทย / ผักชีฝรั่ง / สาระแน่ ซอย
4. พริกป่นคั่ว
5. ข้าวคั่ว
6. มะนาว
7. น้ำปลา
8. ผงชูรส (ถ้าใครไม่กินก็ไม่ใส่ ใส่น้ำตาลแทนได้นิดเดียวค่ะ)

วิธีทำตับหวาน

1. นำเกลือมาขยำกับตับหมูแล้วล้างน้ำด้วยน้ำสะอาดประมาณ 2 ครั้ง แล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำ
2. ตั้งหม้อใส่น้ำพอเดือด ใส่ตับหมูลงไปลวน ไม่ต้องนานเพราะเดี๋ยวตับหมูจะแข็ง ตักขึ้นใส่ชามผสม
3. ปรุงรสด้วยพริกป่น ข้าวคั่ว น้ำปลา น้ำมะนาว ผงชูรส (หรือน้ำตาลแทน) และน้ำสต๊อกลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่หอมแดง / ใบมะกรูด / ต้นหอม / ผักชีไทย / ผักชีฝรั่ง / สาระแน่ซอยลงไปคลุกอีกครั้งก็เป็นอันเสร็จ

แกงป่าปลาเห็ดโคน

แกงป่าปลาเห็ดโคน

ส่วนผสมแกงป่าปลาเห็ดโคน

1. ปลาเห็ดโคน แล่เป็นชิ้น
2. เครื่องแกงป่า (พริกขี้หนูเขียว พริกขี้หนูแดงนิดหน่อย เกลือเม็ด ข่าแก่ซอยบาง โคนตะไคร้ซอยบาง กระชายขูดเปลือกซอย หอมแดงซอย กระเทียมไทย กะปิ โขลกตามลำดับ)
3. น้ำสะอาด
4. น้ำปลา
5. น้ำตาลทรายปลายช้อน
6. มะเขือเปราะผ่าสี่ แช่น้ำเกลือ
7. กระชายขูดเปลือกแล้วซอยบางๆ
8. พริกไทยอ่อน
9. พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ
10. ใบกระเพรา

วิธีทำแกงป่าปลาเห็ดโคน

1. ตั้งหม้อบนเตาด้วยไฟอ่อน ใส่น้ำสะอาดเล็กน้อย เมื่อน้ำเดือดใส่เครื่องแกงป่าที่โขลกไว้ลงไป ใช้ทัพพีเคล้าจนเครื่องแกงสุกหอม ค่อยๆใส่น้ำสะอาดเพิ่มทีละนิด ใช้ทัพพีเคล้าเหมือนเดิม ทำแบบนี้จนได้ปริมาณน้ำแกงที่ต้องการ
2. เร่งไฟ เมื่อน้ำแกงเดือด ใส่มะเขือเปราะ กระชายซอย พริกไทยอ่อน และเนื้อปลาเห็ดโคนลงไป เมื่อปลาสุก ใส่ใบกระเพราลงไป ใช้ทัพพีกดเบามือให้จมน้ำแกง ใส่พริกชี้ฟ้า แล้วปิดไฟ ตักใส่ชาม รับประทานกับข้าวสวยและไข่เจียวหอมๆค่ะ

ข้าวผัดแหนม

ข้าวผัดแหนม

ส่วนผสมข้าวผัดแหนม

1. แหนมหั่นหยาบๆ
2. กระเทียมสับ
3. ผักคะน้าหั่นเป็นชิ้น
4. พริกสดซอย
5. มะนาว
6. ต้นหอมซอย + ผักชีซอย
7. ไข่เป็ดหรือไข่ไก่
8. พริกไทยป่น
9. หอมใหญ่สับ
10. น้ำปลา
11. น้ำตาลทราย
12. ข้าวสวยเย็นขยำให้ร่วน
13. น้ำมันสำหรับผัด

วิธีทำข้าวผัดแหนม

1. ใส่น้ำมันลงในกระทะยกตั้งไฟให้พอร้อน ใส่หอมใหญ่สับและกระเทียมสับลงผัดพอหอม
2. ใส่แหนมหั่นหยาบๆลงไปผัด เมื่อแหนมเริ่มเปลี่ยนสี ใส่ข้าวสวยลงไปผัดพอเม็ดข้าวตึงๆเขี่ยข้าวไว้ขอบกระทะ ตอกไข่ใส่ลงไป แล้วใช้ตะหลิวยีไข่ให้แตก สังเกตดูว่าไข่เริ่มจับตัวคล้ายๆไข่คนก็ให้เกลี่ยข้าวลงไปผัดคลุกกับไข่ให้เข้ากัน
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย พริกสดซอย พริกไทยป่น บีบมะนาวตามลงไป ใส่ผักคะน้า ต้นหอมซอย และผักชีซอยลงคนให้ทั่วแล้วปิดเตา ตักใส่จานเสิร์ฟคู่กับไข่ดาว พริกน้ำปลา แตงกวา โคนต้นหอม ผักชี และ มะนาวหั่นเสี้ยว

กระดูกหมูทอดกระเทียมพริกไทย

กระดูกหมูทอดกระเทียมพริกไทย

ส่วนผสมกระดูกหมูทอดกระเทียมพริกไทย
 
1. กระดูกหมูอ่อนสับขนาดตามความต้องการ
2. พริกไทยเม็ด
3. รากผักชี
4. กระเทียม
5. ซีอิ๊วขาวเห็ดหอม
6. เกลือป่นนิดหน่อย
7. แป้งสาลี
8. น้ำเย็นจัดประมาน 2 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำกระดูกหมูทอดกระเทียมพริกไทย
1. นำรากผักชี + กระเทียม + พริกไทยเม็ดมาตำรวมกันให้แหลก จากนั้นคลุกเคล้าหมักกับกระดูกหมู ปรุงรสด้วยเกลือป่น ซีอิ๊วขาว แป้งสาลี เติมน้ำเย็นจัดที่เตรียมใว้ลงไปคลุกให้เข้ากัน เพื่อให้แป้งและเครื่องปรุงเข้ากันดีไม่จับเป็นก้อน
2. ยกกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันให้ร้อนได้ที่ แล้วทยอยใส่กระดูกหมูที่หมักแล้วลงไปทอดด้วยไฟปานกลาง จนสุกเหลืองโดยทั่ว เเล้วเร่งไฟให้แรงสักครู่ก่อนตักขึ้น เพื่อไม่ให้อมน้ำมัน ตักใส่ตะเเกรงให้สะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟร้อนๆกับข้าวเหนียวได้เลยค่า

ยำผักบุ้งกรอบ

ยำผักบุ้งกรอบ

ส่วนผสมยำผักบุ้งกรอบ

1. ผักบุ้งจีน 2 กำ
2. แป้งทอดกรอบประมาณ 150 กรัม
3. น้ำเย็นจัด 300 มิลลิลิตร
4. น้ำมันพืช
5. ถั่วลิสงคั่ว
6. เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด
7. หอมแดงเจียว
8. กุ้งลวกสุก
9. หมูสับลวกสุก
10. น้ำตาลทรายป่น 3 ช้อนโต๊ะ
11. น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
12. น้ำปลา 2+1/2 ช้อนโต๊ะ
13. พริกชี้ฟ้าแดงหั่น
14. หอมแดงซอย
15.ต้นหอมซอย + ผักชีซอย

วิธีทำยำผักบุ้งกรอบ

1. นำผักบุ้งจีนมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วเด็ดเอายอดหรือจะเด็ดเป็นใบๆก็ได้
2. ผสมแป้งทอดกรอบ 150 กรัมกับน้ำเย็น 300 มิลลิลิตร จะได้แป้งที่มีลักษณะข้นๆเหนียวๆ
3. ตั้งกระทะให้ร้อนใส่น้ำมันปริมาณมากหน่อย กะให้พอท่วมผัก แล้วใส่ผักบุ้งที่เด็ดแล้วลงไปในชามส่วนผสมแป้ง
4. นำยอดผักบุ้งที่ชุบแป้งลงไปทอด โดยแป้งที่ผสมต้องเคลือบผักถึงจะทอดออกมาได้สวย เวลาทอดอย่าใส่ผักบุ้งลงไปเยอะ เดี๋ยวจะกรอบไม่ทั่วถึง ให้แบ่งทอดทีละน้อยจนหมด โดยใช้ไฟกลางค่อนข้างแรง หากใช้ไฟอ่อนจะทำให้อมน้ำมัน กินไม่อร่อยค่ะ
5. เมื่อทอดเสร็จแล้ว โรยหน้าผักบุ้งกรอบด้วยถั่วลิสงคั่ว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด และหอมแดงเจียว
6. จากนั้นไปทำน้ำยำกันค่ะ เตรียมชามหรือกะละมังขนาดย่อม ใส่น้ำตาลทราย น้ำมะนาว และน้ำปลาลงไปคนให้เข้ากัน ใส่พริกชี้ฟ้าแดง หอมแดงซอย ต้นหอมซอย และผักชีซอยลงไปคลุกค่ะ
7. ใส่หมูสับและกุ้งที่ลวกเอาไว้แล้วลงไป คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้สักครู่ เพื่อให้น้ำยำเข้าเนื้อค่ะ จากนั้นก็ใส่จานพร้อมเสิร์ฟ จะทำแบบราดน้ำยำลงไปบนผักบุ้งกรอบ หรือทานแบบแยกก็ได้ค่ะ

ผักเหลียงผัดไข่ (ใบเหลียงผัดไข่)

ผักเหลียงผัดไข่ อาหารพื้นบ้านที่เป็นผักที่ทานได้ง่ายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะไม่มีรสขม นำมาผัดใส่ไข่ ผัดแบบใส่กะปิแบบแห้งๆ ไม่ใส่ซอส หรือน้ำมันหอย เหมือนที่กินตามร้านอาหารก็อร่อยเหมือนกันค่ะ

ส่วนผสมผักเหลียงผัดไข่

1. ผักเหลียง (เด็ดใบอ่อนและที่ไม่แก่มาก ใบใหญ่ตัดครึ่งใบเอาเส้นกลางใบออก)
2. กระเทียม 10 กลีบ (บุบพอแตก)
3. กะปิ 1 ช้อนชา
4. ไข่ไก่ 2 ฟอง
5. น้ำปลา
6. น้ำตาล
7. น้ำมันสำหรับผัด

วิธีทำผักเหลียงผัดไข่

1. นำผักเหลียงมาเด็ดใบอ่อนและที่ไม่แก่มาก ถ้าใบใหญ่ให้ตัดครึ่งใบเอาเส้นกลางใบออก เตรียมไว้
2. ตั้งกระทะบนเตาไฟ ใส่น้ำมันลงไป รอให้ร้อน ใส่กระเทียมบุบพอแตกลงผัดให้หอม แล้วใส่กะปิลงไปผัดต่อ ใส่ผักเหลียงลงผัด พอผักเริ่มสีเข้มขึ้น เขี่ยผักไว้ข้างกระทะ แล้วตอกไข่ไก่ลงไปกลางกระทะ ใช้ตะหลิวยีให้ไข่แตก พอไข่เริ่มสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลเล็กน้อย ผัดให้เข้ากัน ตักใส่จาน เสิร์ฟทานได้เลยค่า

เนื้อตุ๋น

เนื้อตุ๋น

ส่วนผสมเนื้อตุ๋น

1. เนื้อวัวประมาณ 8 ขีด (ติดมันนิดหน่อยจะดีค่ะ)
2. กระเทียม + รากผักชี + พริกไทยเม็ด โขลกรวมกัน
3. ผงพะโล้ 1 ช้อนโต๊ะ
4. อบเชย + โป๊ยกั๊ก
5. น้ำตาลปี๊ป
6. น้ำปลา
7. ซีอิ๊วดำ
8. น้ำเปล่า
9. น้ำมันพืช
10. ผักชีเยอะๆจะหอมมาก

วิธีทำเนื้อตุ๋น

1. นำเนื้อวัวติดมันมาหั่นเป็นชิ้นใหญ่สักหน่อย พักไว้
2. แล้วนำกระเทียม + รากผักชี + พริกไทยเม็ด มาโขลกรวมกันพอแหลก
3. นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันนิดหน่อย ใส่กระเทียม,รากผักชี,พริกไทยเม็ดที่โขลกไว้ลงผัดให้หอม ใส่เนื้อวัวตามลงไปผัดจนเนื้อสุกดี ใส่ผงพะโล้ลงผัดให้เข้ากัน
4. เทใส่หม้อ เติมน้ำเปล่าลงไปให้ท่วม ใส่อบเชย โป๊ยกั๊ก และซีอิ๊วดำลงไป ปิดฝา ต้มต่อจนเนื้อเปื่อย
5. ปรุงรสด้วยน้ำปลาหรือผงปรุงรส น้ำตาลปี๊ป ชิมรสให้ได้เค็มหวานตามชอบ
6. ตักอบเชยและโป๊ยกั๊กออก (ทิ้งไว้นานจะขม)
7. ใส่ผักชีลงต้มต่อจนเหลือน้ำขลุกขลิก ตักเสิร์ฟทานกับข้าวสวยร้อนๆ บะหมี่ หรือเส้นหมี่ก็ได้ตามชอบค่ะ

พริกแกงเผ็ด

พริกแกงเผ็ด

ส่วนผสมพริกแกงเผ็ด

1. ตะไคร้ 3 ต้นใหญ่
2. ข่า ½ หัว
3. ผิวมะกรูด 1 ลูก
4. พริกแห้งใหญ่ 12 เม็ด (ถ้าชอบให้สีแดงสวยใส่เยอะๆ)
5. พริกแห้งเล็ก 8 เม้ด (ถ้าชอบเผ็ดใส่เยอะๆ)
6. กะปิ ½ ช้อนโต๊ะ
7. เกลือ ¼ ช้อนโต๊ะ
8. กระเทียมปอกเปลือก 18-20 กลีบ
9. หอมแดงปอกเปลือก 4-5 หัว

วิธีทำพริกแกงเผ็ด

1. ซอยข่า ตะไคร้ และผิวมะกรูดให้เป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้โขลกง่าย
2. ล้างพริกแห้งด้วยน้ำสะอาด เพื่อนำฝุ่นและสิ่งแปลกปลอมออก
3. ใส่ ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด พริกแห้ง กะปิ และเกลือลงไปโขลกในครกจนแหลก
4. ใส่กระเทียมและหอมแดงที่ปอกเปลือกแล้วลงไป หลังจากนั้นโขลกต่อจนละเอียดตามต้องการ ก็เป็นอันเสร็จ พร้อมนำไปปรุงอาหารต่อแล้วค่ะ

วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559

บราวนี่หน้ากรอบ

บราวนี่หน้ากรอบ บราวนี่สูตรนี้เป็นบราวนี่ที่ทำง่ายๆ ใช้เพียงผงโกโก้ก็จะเป็นบราวนี่ที่อร่อย เนื้อในนุ่มหนึบๆเป็น Fudgy Brownies รสชาติเข้มข้น ผิวหน้าหน้ากรอบกำลังดี

ส่วนผสมบราวนี่หน้ากรอบ

1. เนย 3/4 ถ้วย (หรือ 150 กรัม)
2. น้ำตาลทราย 1+1/2 ถ้วย
3. ไข่ 2 ฟอง
4. วานิลลา 3 ช้อนชา
5. ผงโกโก้ 1/2 ถ้วย
6. แป้งอเนกประสงค์ 3/4 ถ้วย
7. ถั่วอัลมอนด์ 3/4 ถ้วย (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
8. ช็อกโกแลตชิบ 1 ถ้วย (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำบราวนี่หน้ากรอบ

1. วอร์มเตาอบ 175 องศาเซลเซียส ระหว่างวอร์มให้นำอัลมอนด์เข้าไปอบประมาณ 10 - 12 นาที จนกรอบ จากนั้นสเปย์น้ำมันใใส่พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 9 นิ้ว (หรือจะใช้พิมพ์ 6 นิ้วก็ได้) พร้อมกรุกระดาษไขให้สูงขึ้นมาด้านข้างของพิมพ์ด้วย ตอนเอาขนมออกจากพิมพ์จะได้ทำได้ง่ายๆ
2. ละลายเนยบนเตา พอเนยละลายหมด ปิดเตา ใส่น้ำตาลทรายลงไป ใช้พายไม้คนให้เนยเย็นและน้ำตาลละลายเข้ากับเนย พักให้เย็นสักครู่ค่ะ
3. ใส่ไข่และวานิลลาลงไปในส่วนผสมเนยน้ำตาล คนด้วยตะกร้อมือหรือไม้พายจนส่วนผสมเนียน
4. ใส่ผงโก้โก้และแป้งไม่ต้องร่อนลงไป คนแรงๆและเร็วๆ ด้วยไม้พาย 2-3 นาที จนกระทั่งส่วนผสมเนียนและเงา
5. ใส่อัลมอนด์กรอบและช็อกโกแลตชิบลงไปคนให้เข้ากัน
6. เทส่วนผสมลงในพิมพ์ นำเข้าเตาอบที่วอร์มไว้ 175 องศาเซลเซียส ถ้าทำสูตรเดียวปริมาณเท่าสูตรจะอบ 30-35 นาที หรือจนกระทั่งหน้าขนมเริ่มแห้งและแตกเป็นแผ่น
  • วิธีเช็คว่าขนมสุกได้ที่หรือยัง ให้ใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มลงไปตรงกลางขนม ถ้ามีขนมติดขึ้นมาแบบเหนียวๆนิดหน่อยนำออกจากเตาได้ แต่ถ้าขนมที่ติดขึ้นมาเป็นของเหลวไม่มีชิ้นขนมเลยให้อบต่อไป
7. เมื่ออบบราวนี่สุกได้ที่ ให้ยกออกจากเตา พักทิ้งไว้ให้เย็น 5 นาที แล้วค่อยๆยกกระดาษไขขึ้นมา ค่อยๆลอกกระดาษไขออก พักไว้บนตะแกรงจนเย็น ตัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ

เค้กกล้วยหอมสูตรนุ่ม

เค้กกล้วยหอมสูตรนุ่ม สูตรนี้ถ้าใช้พิมพ์มัฟฟิ่นขนาด 2 นิ้ว จะทำได้ประมาณ 18 ถ้วยค่ะ

ส่วนผสมเค้กกล้วยหอมสูตรนุ่ม

1. แป้งเค้ก 200 กรัม
2. ไข่ไก่ 3 ฟอง
3. ผงฟู 1+1/2 ช้อนชา
4. เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
5. เกลือ 1/2 ช้อนชา
6. น้ำมันพืช 1 ถ้วยตวง
7. น้ำตาลทราย 180 กรัม
8. กล้วยหอมสุกบด 200 กรัม
9. น้ำมะนาว 1 ช้อนชา

วิธีทำเค้กกล้วยหอมสูตรนุ่ม

1. อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 400 F หรือ 200 C (ไฟบน)
2. จากนั้นร่อนแป้งเค้ก + ผงฟู + เบคกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน พักไว้
3. บดกล้วยหอมและน้ำมะนาวเข้าด้วยกัน พักไว้
4. ตีไข่ไก่ + น้ำตาลทราย + เกลือให้ขึ้นฟู ตีด้วยความเร็วสูง ประมาณ 7-8 นาที
5. แล้วปรับเป็นความเร็วต่ำ เติมแป้งที่ร่อนแล้วลงไป ตีต่อให้เข้ากัน ประมาณ 1 นาที เติมน้ำมันพืชลงไป ตีต่อด้วยความเร็วกลางอีกประมาณ 2 นาที
6. เติมกล้วยหอมบดลงไป ตีต่อด้วยความเร็วต่ำอีกประมาณ 1 นาที
7. หยอดใส่ถ้วยพิมพ์ขนาด 2 นิ้ว นำเข้าอบไฟ 400 F ประมาณ 20-25 นาที ตอนอบได้ 20 นาทีสีก็ดูเข้มแล้วค่ะ เลยยกออกจากเตาอบเลย จากนั้นก็พักบนตะแกรงให้เย็น แล้วบรรจุใส่ภาชนะปิดสนิท เท่านี้เราก็จะได้เค้กกล้วยหอมอร่อยๆไว้ทานแล้วค่ะ ยิ่งเก็บไว้ข้ามคืน เนื้อเค้กจะยิ่งชุ่มชื้น ลองทำทานดูค่ะ

วิธีทำน้ำปูนใส

น้ำปูนใส

ส่วนผสมน้ำปูนใส

1. ภาชนะหรือโหลที่จะใส่น้ำปูนใส
2. ปูนแดง 1 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำสะอาด 4 ถ้วยตวง




วิธีทำน้ำปูนใส

ตักปูนแดงใส่ในโหลขวดแก้ว แล้วค่อยๆเทน้ำสะอาดตามลงไป คนให้ปูนแดงละลายจนหมด ปิดฝา ทิ้งไว้ค้างคืนให้ตกตะกอน ผ่านไป 1 คืน ให้เราตักฝ้าด้านบนทิ้งก่อนนะคะ จากนั้นก็ตักน้ำปูนใสขึ้นมาใช้ได้แล้วค่ะ

เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม

เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม (สูตรเชฟอุ๋มอิ๋ม)

ส่วนผสมเค้กและวิธีทำช็อกโกแลตหน้านิ่ม

แป้งเค้ก

ส่วนที่ 1
1. แป้งเค้ก 160 กรัม
2. ผงฟู 1/2 ช้อนชา
3. เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
4. ผงวานิลลา 1/2 ช้อนชา
5. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
6. ผงโกโก้ 50 กรัม
7. น้ำตาลทรายป่น 200 กรัม

ส่วนที่ 2
1. น้ำเปล่า 100 กรัม
2. นมข้นจืด 50 กรัม
3. น้ำมะนาว 2 ช้อนชา
4. น้ำมันพืช 125 กรัม
5. ไข่แดง 4 ฟอง

ส่วนที่ 3
1. ไข่ขาว 4 ฟอง
2. น้ำตาลทราย 100 กรัม
3. ครีมออฟทาทาร์ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

1. นำส่วนผสมแป้งเค้กส่วนที่ 1 มาร่อนรวมกันทั้งหมด เตรียมไว้
2. แล้วส่วนผสมแป้งเค้กส่วนที่ 2 มาผสมคนให้เข้ากัน เตรียมไว้
3. จากนั้นนำส่วนที่ 1 และ ส่วนที่ 2 เทผสมรวมกันในอ่างผสม คนด้วยตะกร้อมือ แล้วกรองด้วยกระชอนถี่ๆ พักส่วนผสมนี้ไว้
4. ต่อมาเรามาตีไข่ในส่วนที่ 3 ให้เป็นฟองหยาบๆ แล้วค่อยๆใส่น้ำตาลและครีมออฟทาทาร์ลงไป ตีให้ขึ้นฟูตั้งยอด
5. แล้วนำไปผสมรวมกันกับส่วนผสมที่ทำไว้ในข้อที่ 3 ตะล่อมเบาๆด้วยพายยางให้เข้ากัน จนส่วนผสมเข้ากันดี
6. เทส่วนผสมใส่พิมพ์ขนาด 8 นิ้วที่รองด้วยกระดาษไขเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องทาไขมันที่กระดาษไขค่ะ (สูตรนี้สามารถเทใส่พิมพ์ขนาด 8 นิ้ว ได้ 2 พิมพ์)
7. ยกเข้าเตาอบอุณหภูมิประมาณ 400 - 420 F ประมาณ 15 - 17 นาที เมื่อแป้งเค้กสุกได้ที่ยกออกมาพักไว้ให้อุ่น จึงแซะออกจากพิมพ์ พักไว้

หน้าช็อกโกแลต

ส่วนที่ 1
1. ผงวุ้น 1 ช้อนชา
2. น้ำ 300 กรัม
3. นมข้นจืด 200 กรัม
4. น้ำตาลทราย 200 กรัม
5. โกโก้ 50 กรัม

ส่วนที่ 2
1. แป้งข้าวโพด 40 กรัม
2. นมข้นจืด 150 กรัม

ส่วนที่ 3
1. เนยสด 150 กรัม
2. เหล้ารัม 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
 
1. นำส่วนผสมหน้าช็อกโกแลตส่วนที่ 1 ผสมรวมในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อนคนให้เดือด
2. ผสมส่วนผสมหน้าช็อกโกแลตส่วนที่ 2 ในชาม คนให้ละลายเข้ากัน แล้วเทใส่ลงไปในส่วนผสมข้อที่ 1 คนให้เข้ากัน
3. กวนให้พอข้น ตึงมือ จึงใส่เนยสดและเหล้ารัมลงกวนต่อให้ข้น
4. ยกลง รอให้อุ่นซักนิด แล้วจึงราดลงบนแป้งเค้กค่ะ โดยวางเค้กลงบนตะแกรงรองด้วยถาด ทาไส้หน้าช็อกโกแลตก่อนแล้ววางเค้กอีกชิ้นลงทับ จากนั้นราดหน้าช็อกโกแลตในครั้งเดียวให้ช็อกโกแลตไหลลงกลบทั่วเค้ก กระแทกถาดนิดหน่อยให้หน้าเรียบค่ะ แล้วก็นำไปแช่เย็นให้เซ็ตตัว ก็ตัดเสิร์ฟทานได้แล้วค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ข้าวเหนียวมูน (สูตรคุณชำนาญ)

ข้าวเหนียวมูน (สูตรคุณชำนาญ) ข้าวเม็ดสวย ไม่แฉะ จะราดกะทิทานกับมะม่วงสุก หรือ หน้าสังขยา หน้าปลาก็เข้ากันค่ะ เพิ่มสีสันให้สวยงามด้วยน้ำคั้นสีธรรมชาติก็ได้ง่ายๆ ลองมาทำทานกันค่ะ

ส่วนผสมข้าวเหนียวมูน

1. ข้าวสารข้าวเหนียวเขี้ยวงู 1/2 กิโลกรัม
2. กะทิ 1+1/2 ถ้วย (จากมะพร้าวขูด 1/2 กิโลกรัม เติมน้ำร้อน 1/2 ถ้วย) ถ้าใช้กะทิกล่อง 1 ถ้วย + น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
3. น้ำตาลทรายขาว 3/4 ถ้วย
4. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
6. ใบเตย 3 ใบ
7. สารส้ม 1 ก้อนขนาดพอดีมือ

วิธีทำข้าวเหนียวมูน

1. นำข้าวสารมาเก็บเศษหิน ดิน หรือสิ่งที่เจือปนออกให้สะอาด
2. แล้วนำข้าวสารมาขัดเบาๆมือด้วยสารส้มให้ทั่วถึง โดยมือหนึ่งถือสารส้ม อีกมือกำข้าวมาถูที่สารส้มเบาๆ
3. นำข้าวเหนียวที่ขัดสารส้มแล้วไปล้างน้ำให้สะอาด จนน้ำที่ล้างข้าวใส แล้วเทน้ำแช่ข้าวไว้ 3-4 ชั่วโมง
4. ครบเวลาแช่ข้าว สงข้าวขึ้นจากน้ำใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ
5. เตรียมซึ่งนึ่งใส่น้ำ ใส่ใบเตยลงไป 3-4 ใบ ต้มให้เดือด ระหว่างรอน้ำเดือด ก็ปูผ้าขาวบางรองนึ่ง แล้วใส่ข้าวเตรียมไว้ ตลบผ้าปิดข้าว นำข้าวเหนียวลงนึ่งประมาณ 40 นาที จนสุก
6. หลังจากนึ่งข้าวเหนียวไปได้ 30 นาที ให้เรามาเตรียมน้ำกะทิที่จะมูนข้าวกันค่ะ โดยเทกะทิ น้ำตาลทราย เกลือ และน้ำมันพืชลงในหม้อ คนให้น้ำตาลละลาย ใส่ใบเตยลงไป นำขึ้นตั้งไฟต้มให้เดือดเล็กน้อย ใช้เวลาในขั้นตอนนี้ประมาณ 10 นาที
7. เมื่อครบ 40 นาที ให้นำข้าวเหนียวเทลงหม้อใบใหญ่ ตามด้วยส่วนผสมของน้ำกะทิร้อนๆ คนให้เข้ากัน ปิดฝาอบไว้ 15 นาที (ถ้าน้ำกะทิเยอะกว่าข้าว อย่าตกใจค่ะ เดี๋ยวข้าวเค้าจะดูดซึมน้ำกะทิเข้าไปเอง)
8. ครบ 15 นาที เปิดฝาหม้อ ตลบข้าวด้านล่างขึ้นมา คนให้ทั่ว ปิดฝาอบไว้อีก 10 นาทีค่ะ
9. เสร็จเรียบร้อยก็ตักเสิร์ฟ จัดจาน ทานกับมะม่วงสุก หน้าสังขยา หน้าปาก หรืออื่นๆได้ตามชอบเลยค่ะ

เคล็ดลับในการมูนข้าวเหนียว
  • ต้องมูนขณะที่ข้าวนึ่งและน้ำกะทิทั้งสองอย่างยังร้อนๆอยู่ จึงจะดีทำให้ข้าวเหนียวมูนออกมาเงาสวย
ถ้าจะทำข้าวเหนียวมูนหลากสี เราแนะนำให้ใช้น้ำคั้นสีธรรมชาติค่ะ ซึ่งน้ำสีจะใส่ไม่เยอะ แล้วแต่เราว่าอยากได้สีเข้มอ่อนขนาดไหนค่ะ
  • สีแดง จากบีทรูท
  • สีเขียว จากใบเตย
  • สีม่วง จากดอกอัญชัญ
  • สีเหลือง จากขมิ้นหรือฟักทอง
  • สีส้ม จากแครอท
วิธีทำก็ง่ายๆ นำใบเตยมาปั่นน้ำแบบเข้มข้น โดยให้หั่นใบเตยเป็นชิ้นเล็กปั่นน้ำเปล่า แล้วเอาน้ำที่ปั่นได้มาปั่นกับใบเตยชุดใหม่ ทำแบบนี้ จนได้สีเข้มที่เราต้องการค่ะ แล้วแบ่งข้าวเหนียวนึ่งมามูนกับน้ำกะทิที่ผสมน้ำสีไว้แล้วค่ะ อย่าลืมนะคะต้องมูนตอนข้าวและกะทิร้อนๆค่ะ

ส่วนผสมและวิธีทำน้ำกะทิราด

1. หัวกะทิ 2 ถ้วย
2. หางกะทิ 1/2 ถ้วย
3. เกลือ 1 ช้อนชา
4. แป้งข้าวจ้าวละลายน้ำไว้

นำหัวกะทิ+ หางกะทิ ตั้งไฟ พออุ่นใส่เกลือ พอเดือดเป็นฟองเล็กๆ ให้ใส่แป้งข้าวจ้าวที่ละลายไว้ลงไป คนตลอดอย่าหยุดมือ พอข้นขึ้น ปิดไฟ ยกลง

..............................................................................................

สูตรหน้าสังขยา (คุณชำนาญ)

1. ไข่เป็ด 5 ฟอง
2. ใบเตย 3-4 ใบ
3. น้ำตาลปี๊บ 250 กรัม
4. น้ำตาลไม่ฟอกสี 150 กรัม
5. กะทิ 500 กรัม
6. เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีทำ

1. ขยำไข่เป็ดในชามกับใบเตยให้ไข่ขึ้นฟู
2. จากนั้นเติมเกลือ น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย และกะทิลงไป ขยำส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนน้ำตาลปี๊บละลาย
3. นำส่วนผสมที่ขยำแล้วกรองด้วยกระชอนตาถี่ เทใส่ถ้วยพร้อมสำหรับการนึ่ง
4. เตรียมซึ่งนึ่งและใส่น้ำต้มให้เดือด นำสังขยาลงนึ่งประมาณ 30 นาทีจนสุก
5. จัดเสริฟ์โดยตักวางบนข้าวเหนียวมูนที่ทำไว้

..............................................................................................

สูตรหน้าปลา (คุณชำนาญ)

1. ปลาช่อนทะเลแห้ง (แบบไม่เค็ม) 4 ตัว (เลือกที่ไม่มีกลิ่นคาว เพราะจะทำให้เสียรสชาติ)
2. หอมเจียว 1 ถ้วยตวง
3. น้ำมันหอมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
5. เกลือ 1/4 ช้อนชา (ลดเพิ่มได้ตามความเค็มของปลา แนะนำใส่เกลือหลังสุดและชิมก่อนใส่)

วิธีทำ

1. นำปลาช่อนทะเลแห้งที่ได้มาล้างน้ำทำความสะอาด ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
2. นำปลาไปย่างจนกรอบ แล้วนำไปโขลกจนเนื้อละเอียดฟูคล้ายหมูหยอง
3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันหอมเจียว ใส่เนื้อปลาโขลกลงผัดไฟอ่อนๆให้แห้ง พอแห้งกรอบ ใส่น้ำตาลลงผัดให้เข้ากัน ชิมให้ได้รสหวานเค็ม (ถ้าไม่เค็ม เติมเกลือได้เล็กน้อย หรือไม่เติม เพราะเนื้อปลาจะมีรสเค็ม) โรยด้วยหอมเจียว เสิร์ฟเป็นหน้าข้าวเหนียวมูน

ขนมหยกมณี

ขนมหยกมณี

ส่วนผสมขนมหยกมณี

1. สาคูตราปลามังกร (เม็ดเล็ก) 125 กรัม
2. น้ำตาลทราย 125 กรัม
3. เผือกหั่นเต๋า 1/2 ทัพพี
4. แห้วต้มสุกหั่นเต๋า 1/2 ทัพพี
5. ฟักทองหั่นเต๋า 1/2 ทัพพี
6. มะพร้าวอ่อนหั่นเต๋า 1/2 ทัพพี
7. ข้าวโพดซอย 1/2 ทัพพี
8. ลูกเดือยต้มสุก 1/2 ทัพพี
9. น้ำสีจากธรรมชาติอย่างละ 1+1/2 ถ้วยตวง
  • เขียวใบเตย
  • เหลืองฟักทอง
  • แดงบีทรูท
  • น้ำเงินอัญชัน
10. มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น
11. เกลือนิดหน่อย

วิธีทำขนมหยกมณี

1. นำสาคูมาแช่น้ำ 15 นาที สงใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ
2. นำเผือก แห้วต้มสุก ฟักทอง และเนื้อมะพร้าวอ่อนมาหั่นเต๋า รอไว้ ส่วนข้าวโพดให้ซอย ลูกเดือยก็ต้มให้สุกนิ่ม พักรอไว้เช่นกันค่ะ
3. คั้นน้ำสีจากธรรมชาติดังนี้ค่ะ เขียวใบเตย เหลืองฟักทอง แดงบีทรูท และน้ำเงินอัญชัน เตรียมไว้ค่ะ
4. แบ่งสาคูตามจำนวนน้ำสีค่ะ (ในสูตรนี้ 4 สี ก็แบ่ง 4 ส่วนค่ะ)
5. ตั้งกระทะเทปล่อน ใส่น้ำสีและเครื่องทั้งหมดลงไปเคี่ยวจนเดือด เมื่อเครื่องเกือบสุก ใส่สาคูลงกวนจนสาคูมีตากบนิดหน่อย ใส่น้ำตาลทรายกวนต่อจนหนืด แต่ไม่ติดกระทะ ยกขนมขึ้นมาได้ทั้งก้อนไม่ย้อยลงกระทะ ก็แปลว่ากวนได้ที่แล้ว นำมาเทใส่ถาด เกลี่ยให้ทั่วถาด (กวนไปทีละสี จนครบค่ะ)
6. นำมะพร้าวทึนทึกขูดเส้นไปนึ่ง 10 นาที เทใส่ถาดให้เย็น คลุกเกลือนิดหน่อย ใช้ช้อนกินข้าวแบบสั้น ตักตัวขนมขนาดพอดีคำมาคลุกมะพร้าว ก็พร้อมทานแล้วค่ะ

ขนมถ้วยฟู

ขนมถ้วยฟู

ส่วนผสมขนมถ้วยฟู

1. แป้งข้าวเจ้า 350 กรัม
2. น้ำตาลทราย 250 กรัม
3. ข้าวหอมมะลินึ่งสุก 250 กรัม
4. น้ำเปล่า 450 กรัม
5. ยีสต์ 1 ช้อนชา
6. ผงฟู 2 ช้อนชา
7. กลิ่นมะลิ
8. สีผสมอาหารตามชอบ

วิธีทำขนมถ้วยฟู

1. แบ่งน้ำเปล่ามาปั่นกับข้าวหอมมะลินึ่งสุกให้ละเอียด
2. ร่อนแป้งข้าวเจ้า 1 ครั้ง แล้วนำแป้งมาผสมกับน้ำตาลทราย ค่อยๆใส่น้ำนวดแป้งให้เนื้อเนียน
3. ผสมข้าวที่ปั่นละเอียดลงในแป้งที่นวดไว้ คนให้เข้ากัน
4. กรองแป้งที่ผสมแล้วด้วยกระชอนตาถี่ ใช้พายยางคนช่วยจะง่ายและเร็วขึ้นค่ะ
5. ใส่ยีสต์และผงฟูลงในแป้งที่กรองแล้ว คนให้เข้ากัน ปิดด้วยแร๊ปพลาสติก พักแป้งให้ขึ้นฟูเป็น 2 เท่าประมาณ 1.30 ชั่วโมง
6. คนแป้งให้เนียน ใส่กลิ่นมะลิ และแบ่งใส่สีตามชอบ
7. ใส่น้ำลงไป 3/4 ของลังถึง ต้มให้น้ำเดือดด้วยไฟแรง คนแป้งให้เนียนก่อนหยอด แล้วตักหยอดให้เต็มถ้วยตะไล นึ่งไฟแรง 15 นาที (สูตรนี้ไม่ต้องนึ่งถ้วยให้ร้อนก่อนค่ะ) เท่านี้เราก็จะได้ขนมถ้วยฟูสีสวย นุ่มๆไว้ทานแล้วค่ะ หรือจะทำขายก็ได้ไม่ว่ากันนะคะ

หมูสามชั้นทอดกรอบ

หมูสามชั้นทอดกรอบ จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่วแซ่บๆอร่อยมากเลยค่ะ ไม่ได้โม้นะ ต้องลองทำทานดูค่า

ส่วนผสมหมูสามชั้นทอดกรอบ

1. เนื้อหมูสามชั้น 500 กรัม
2. กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
3. พริกไทยขาวป่น 1 ช้อนชา
4. ซีอิ๊วขาวเห็ดหอม 1 ช้อนโต๊ะ
5. ซอสหอยนางรม 1/2 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
8. แป้งทอดกรอบ 3 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำเย็น 3 ช้อนโต๊ะ
10. งาขาว 1-2 ช้อนโต๊ะ
11. น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิธีทำหมูสามชั้นทอดกรอบ

1. แล่เนื้อหมูเป็นชิ้นหนาประมาณ 2 ซม. (จะแล่หนังหรือไม่ก็ได้ค่ะ แต่เราแล่หนังออกค่ะ) จากนั้นนำไปหมักกับกระเทียมสับละเอียด พริกไทยขาวป่น ซีอิ๊วขาวเห็ดหอม ซอสหอยนางรม น้ำปลา น้ำตาลทราย และงาขาว พักไว้ในตู้เย็นอย่างต่ำ 30 นาที
2. นำเนื้อหมูออกจากตู้เย็นให้คลายความเย็นซักครู่ จากนั้นใส่แป้งทอดกรอบและน้ำเย็นลงไป เคล้าให้เข้ากันดี กะปริมาณผสมให้แป้งติดชิ้นหมูไม่หนามาก (ปริมาณแป้งทอดกรอบและน้ำเย็น สามารถปรับลดได้ตามชอบค่ะ)
3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช (กะพอท่วมชิ้นหมู) ใช้ไฟกลาง รอจนน้ำมันร้อนจัด (ทดสอบได้โดยการใส่แป้งที่ผสมไว้ลงไปนิดหน่อย ถ้าลอยขึ้นทันทีก็ใช้ได้ค่ะ) หย่อนเนื้อหมูลงไปทอด ลดไฟลงนิดหน่อย ทอดจนสุกเหลืองสวยทั้งสองด้าน จากนั้นเร่งไฟขึ้น ทอดต่ออีกประมาณ 10 วินาที ตักขึ้นใส่กระชอน พักให้สะเด็ดน้ำมัน ก็นำมาหั่นใส่จาน ยกเสิร์ฟทานพร้อมน้ำจิ้มแจ่วได้เลยค่ะ

น้ำจิ้มแจ่ว

1. ซอสแม๊กกี้ 1 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
6. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
7. หอมแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ
8. พริกป่น ปริมาณตามชอบ
9. ต้นหอมซอย
10. ข้าวคั่ว

ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันง่ายๆเท่านี้ เราก็จะได้น้ำจิ้มแจ่วแซ่บๆไว้ทานแล้วค่ะ

พายมะพร้าวอ่อน

พายมะพร้าวอ่อน

ส่วนผสมพายมะพร้าวอ่อน

แป้งพาย

1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 400 กรัม
2. เกลือ 1 ช้อนชา
3. น้ำตาลไอซิ่ง 15 กรัม
4. เนยสดจืด 60 กรัม
5. เนยขาว 70 กรัม
6. ไข่แดง 2 ฟอง
7. น้ำเย็น 1/4 ถ้วย
8. น้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา

ไส้มะพร้าวอ่อน

1. น้ำมะพร้าว (ส่วนที่ 1) 1/2 ถ้วย
2. น้ำมะพร้าว (ส่วนที่ 2) 1+1/2 ถ้วย
3. แป้งข้าวโพด 1/4 ถ้วย
4. เนื้อมะพร้าว (ไม่อ่อนมากไม่แข็งมาก) 400 กรัม
5. นมข้นจืด 1/4 ถ้วย
6. นมข้นหวาน 1/3 ถ้วย
7. น้ำตาลทรายขาว 1/4 ถ้วย (หรือเพิ่มได้ลดได้แล้วแต่ชอบ)
8. เกลือ 1/4 ช้อนชา

วิธีทำพายมะพร้าวอ่อน
 
แป้งพาย

1. ร่วนแป้งสาลีอเนกประสงค์รวมกับเกลือ และคนให้เข้ากัน
2. ใส่น้ำตาลไอซิ่งและเนยจืดเนยขาวลงไป ใช้มือคลุกให้เข้ากันเป็นเม็ดทรายอ่อนๆ
3. ผสมไข่แดง น้ำเย็น และน้ำส้มสายชูให้เข้ากัน แล้วค่อยๆเทใส่แป้งที่ผสมไว้ทีละนิด อย่าใส่ทีเดียวหมด
4. คลุกให้เข้ากันเป็นก้อนเดียว อย่านวดนะคะ ถ้าแห้งไปก็เติมน้ำทีละนิดเดียวพอค่ะ
5. ใช้พลาสติกแร็ปไว้และพักแป้งไว้ในตู้เย็น 1 ชั่วโมง
6. นำแป้งออกมานวดๆนิดเดียว ให้แบ่งแป้งเป็น 2 ส่วนไว้ ส่วนแรกไว้เป็นฐานข้างล่างและข้างๆ ส่วนที่ 2 ไว้คลุมหน้าไส้หรือปิดหน้าขนม (ส่วนที่ 2 แบ่งให้น้อยกว่าส่วนแรกนะคะ เพราะไว้แค่คลุม)
7. คลึงแป้งให้เป็นแผ่นบางๆ แล้ววางลงพิมพ์ตามใจชอบหรือตามแบบพิมพ์

ไส้มะพร้าวอ่อน

1. นำน้ำมะพร้าวส่วนที่ 1 มาผสมกับแป้งข้าวโพดไว้
2. แล้วนำน้ำมะพร้าวส่วนที่ 2 มาต้ม ใส่เนื้อมะพร้าว นมข้นจืด นมข้นหวาน น้ำตาลทรายขาว และเกลือลงคนให้เข้ากัน ชิมรสชาติให้ได้ตามชอบ
3. ใส่น้ำมะพร้าวที่ผสมกับแป้งข้าวโพดลงไปแล้วคนเร็วๆ พอแป้งขึ้นได้ที่แล้วยกออกจากเตา พักไว้ให้เย็นสนิท (หรือใส่ตู้เย็นไว้)
4. จากนั้นเทไส้มะพร้าวอ่อนลงลงตัวแป้งพายเลยค่ะ แล้วค่อยๆวางแป้งปิดหน้า ใช้ส้อมกดขอบๆให้ปิดติดกัน แล้วใช้มีดกีดหน้าให้ระบายความร้อนตอนอบหน่อย จากนั้นทาด้วยไข่แดงที่หน้าขนม
5. นำเข้าอบ 230 °C ไฟบนล่าง 30 นาที และลดเหลือ 180 °C  ไฟล่างอย่างเดียวอีก 30 นาที สุกแล้วรอเย็นก่อน ก็ตัดเป็นชิ้นเสิร์ฟได้เลยค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ทอดมันปลากราย

ทอดมันปลากราย

ส่วนผสมทอดมันปลากราย

1. เนื้อปลากรายขูด
2. พริกแกงเผ็ด (พริกแห้ง + หอมแดง + กระเทียม + ข่า + ตะไคร้ + ผิวมะกรูด + กะปิ ตำรวมกัน)
3. ไข่ไก่
4. ถั่วพู หรือ ถั่วฝักยาว
5. ใบมะกรูดซอย
6. น้ำปลา
7. น้ำตาลปี๊บ
8. น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำทอดมันปลากราย

1. นำเนื้อปลากรายขูดมานวด (หรือใส่ครกตำก็ได้) นวดให้เนื้อปลาเหนียวที่สุด จากนั้นใส่พริกแกงเผ็ด ไข่ไก่ ถั่วพูซอย (หรือถั่วฝักยาว) ใบมะกรูดซอยลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บลงนวดคลุกเคล้าให้เข้ากัน
2. เมื่อนวดคลุกเข้ากันดีแล้ว จึงนำไปทอดในน้ำมันที่ร้อนปานกลาง ใช้มือปั้นเนื้อทอดมันเป็นกลมก่อน แล้วกดให้แบนลง จึงหย่อนลงทอดให้น้ำมัน
3. ทอดให้สุกทั้งด้าน ตักสะเด็ดน้ำมันเรียงใส่จานก็รับประทานได้แล้วค่ะ

ผัดคะน้าปลาเค็ม

ผัดคะน้าปลาเค็ม ทานกับข้าวต้มร้อนหรือข้าวสวยร้อนๆก็อร่อยค่ะ

ส่วนผสมผัดคะน้าปลาเค็ม

1. ผักคะน้า (ตัดโคนแข็งๆทิ้ง ล้างสะอาด หั่นพอคำ)
2. ปลาอินทรีเค็มทอด บิเอาแต่เนื้อ
3. กระเทียมไทยปอกเปลือก สับ
4. พริกขี้หนูทุบ
5. น้ำตาลทราย
6. เต้าเจี้ยวนิดหน่อย
7. ซีอิ๊วขาว
8. น้ำมันพืช
9. น้ำสะอาด
10. เกลือเม็ด

วิธีทำผัดคะน้าปลาเค็ม

1. ตั้งหม้อใส่น้ำสะอาด เกลือเม็ด และน้ำมันที่เหลือจากทอดปลาลงไป เร่งไฟให้น้ำเดือดพล่าน นำผักคะน้าลงลวกประมาณ 1/2 นาที ตักขึ้น แช่น้ำเย็น
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย นำพริกขี้หนูทุบและกระเทียมสับลงไปผัดให้สุกหอม ใส่ปลาเค็มบิเอาแต่เนื้อลงผัดเบามือ
3. ปรุงรสน้ำตาลทราย เต้าเจี้ยวนิดหน่อย และซีอิ๊วขาวลงผัดเคล้าเบามือ เร่งไฟ นำผักคะน้าลวกใส่ผัดให้เข้ากัน ปิดไฟ ตักใส่จาน ทานได้เลย

คะน้าฮ่องกงผัดน้ำมันเห็ดหอม (เจ)

คะน้าฮ่องกงผัดน้ำมันเห็ดหอม (เจ)

ส่วนผสมคะน้าฮ่องกงผัดน้ำมันเห็ดหอม

1. คะน้าฮ่องกง 2 ถุง
2. เห็ดหอมแห้งแช่น้ำ 5-6 ดอก
3. น้ำมันเห็ดหอม 3 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
5. งาขาวคั่ว
6. น้ำต้มสุก

วิธีทำคะน้าฮ่องกงผัดน้ำมันเห็ดหอม

1. ตั้งน้ำร้อนให้เดือด ใส่คะน้าฮ่องกงลงลวก แล้วตักขึ้นน็อคด้วยน้ำแข็งให้คะน้าสีเขียวสดและดูหน้ากิน
2. นำกระทะมาตั้งไฟให้ร้อน ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย นำเห็ดหอมที่แช่น้ำไว้บีบน้ำออกให้หมด ใส่ลงผัดในกระทะ แล้วใส่ซอสน้ำมันเห็ดหอมลงไปคนให้เข้ากัน
3. ใส่คะน้าที่น็อคน้ำแข็งลงไป ต้องบีบน้ำออกจากใบคะน้าให้หมด จากนั้นปรุงรสน้ำตาลทราย เติมน้ำต้มสุกลงไปผัดให้เข้ากัน ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยงาขาวคั่ว เป็นอันเสร็จพร้อมเสิร์ฟค่ะ

ปลากระบอกทอดขมิ้น

ปลากระบอกทอดขมิ้น

ส่วนผสมปลากระบอกทอดขมิ้น

1. ปลากระบอก (ขอดเกล็ดควักไส้ทิ้ง ล้างสะอาด บั้ง ซับแห้ง)
2. กระเทียมไทยทั้งเปลือก
3. ขมิ้นแกงขูดเปลือก
4. เกลือป่น
5. น้ำมันพืช
6. น้ำปลาพริก
7. ผักตามชอบ

วิธีทำปลากระบอกทอดขมิ้น

1. โขลกกระเทียมไทยและขมิ้นแบบหยาบๆ เเล้วคั้นน้ำขมิ้นกระเทียมจากที่โขลกมาลูบผิวปลา เคล้าเกลือป่น หมักไว้ 30 นาที
2. ตั้งกระทะให้ร้อนจัด ใส่น้ำมันพืช เมื่อน้ำมันร้อนจัด หย่อนปลาลงทอด ปรับเป็นไฟกลาง ทอดจนสุกเหลือง เร่งไฟ แล้วตักสะเด็ดน้ำมัน
3. ใส่กระเทียมและขมิ้นที่โขลกลงทอดให้สุก กะแค่พอกรอบนิดๆ เมื่อได้ที่ช้อนขึ้น
4. จัดปลาใส่จาน โรยกระเทียมขมิ้นเจียว รับประทานกับผักสดและน้ำปลาพริก

แกงคั่วสับปะรดหอยแมลงภู่

แกงคั่วสับปะรดหอยแมลงภู่

ส่วนผสมแกงคั่วสับปะรดหอยแมลงภู่

1. สับปะรดหั่นชิ้น
2. หอยแมลงภู่ต้ม
3. พริกแกงคั่ว (พริกแห้ง + ตะไคร้ + ข่า + ผิวมะกรูด + หอมแดง + กระเทียม + เกลือ + กะปิ)
4. กุ้งแห้งโขลกไม่ต้องละเอียดมาก
5. หัวกะทิ 2 ส่วน
6. หางกะทิ 1 ส่วน
7. ใบมะกรูดฉีก
8. พริกสด
9. น้ำมะกรูดหรือน้ำมะขามเปียก
10. น้ำตาลมะพร้าว
11. น้ำปลา

วิธีทำแกงคั่วสับปะรดหอยแมลงภู่

1. ตั้งกระทะใส่หัวกะทิลงไป 3 ทัพพี นำพริกแกงคั่วลงผัดให้หอมและแตกมันเล็กน้อย ใส่หางกะทิลงไปต้มให้เดือด
2. พอเดือดใส่สับปะรดหั่นชิ้นและกุ้งแห้งโขลกไม่ต้องละเอียดมากลงไป ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าวและน้ำปลา เคี่ยวซักพัก ค่อยเติมหัวกะทิลงไป
3. รอให้เดือดอีกครั้งใส่หอยแมลงภู่ต้ม ใส่น้ำมะกรูด (หรือน้ำมะขามเปียก) ใบมะกรูดฉีก และพริกสด คนให้เข้ากัน รอให้เดือดครั้งสุดท้าย ปิดเตา ยกลง ตักใส่ชามทานกับข้าวสวยร้อนๆได้เลยค่ะ

แกงเผ็ดเป็ดย่าง

แกงเผ็ดเป็ดย่าง

ส่วนผสมแกงเผ็ดเป็ดย่าง

1. เป็ดย่างเลาะกระดูกสับพอคำ 1/2 ตัว
2. พริกแกงแดง 1 ช้อนโต๊ะ
3. พริกแกงพะแนง 1 ช้อนโต๊ะ
4. กะทิแยกหัวและหาง 1/2 กิโลกรัม
5. สับปะรดหั่นเป็นชิ้นพอคำ 1/2 ถ้วย
6. มะเขือเทศ 1/2 ถ้วย
7. องุ่นแดง 1/2 ถ้วย
8. มะเขือพวง 1/2 ถ้วย
9. ใบมะกรูดฉีก
10. โหระพาเด็ดเล็กน้อย
11. น้ำตาลปี๊บ
12. น้ำปลา

วิธีทำแกงเผ็ดเป็ดย่าง

1. เคี่ยวหางกะทิกับกระดูกเป็ดด้วยไฟอ่อนไปเรื่อยๆประมาณ 1 ชั่วโมง กรองน้ำซุป พักไว้
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อยใส่พริกแกงพะแนงและพริกแกงแดงลงผัดกับหัวกะทิจนแตกมันและหอม
3. เติมน้ำซุปที่กรองลงไป รอจนเดือด
4. ใส่สับปะรดหั่นเป็นชิ้นพอคำ มะเขือเทศ องุ่นแดง และมะเขือพวงลงไป ปิดฝาหม้อ รอให้เดือด
5. ใส่เนื้อเป็ดย่างสับลงไป คนให้เข้ากัน ชิมก่อนปรุงรส เพราะความหวานของผลไม้ไม่แน่นอน แล้วจึงปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและน้ำปลาให้มีรสหวานนำเค็มเพียงเล็กน้อย ปิดฝา รอให้เดือดอีกครั้ง
6. สุดท้ายใส่ใบมะกรูดฉีกและใบโหระพาเด็ดลงไป ปิดไฟเตา ตักใส่ชาม ทานกับข้าวสวยร้อนๆได้แล้วค่า

ขนมปังกรอบเคลือบคาราเมล

ขนมปังกรอบเคลือบคาราเมล

ส่วนผสมขนมปังกรอบเคลือบคาราเมล

1. ขนมปัง 15 แผ่น (นำไปแช่เย็นแล้ว แล้วหั่นเต๋า)
2. น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี 130 กรัม
3. เนยเค็ม 110 กรัม
4. นมจืด 50 มล
5. เกลือทะเล 1/4 ช้อนชา
6. น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำขนมปังกรอบเคลือบคาราเมล

สำหรับผู้ที่ใช้เตาอบ (วิธีนี้จะกรอบฟูมาก)

1. วอร์มเตาอบไว้ที่ 150 ํC ไฟบนล่าง เตรียมไว้
2. นำขนมปังแผ่นที่แช่เย็นจนแข็งแล้วมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าด้านละ 6 x 6 ของแผ่น แล้วนำเข้าอบให้กรอบ 10 นาที แล้วยกออกมาพักไว้ให้เย็น
3. ใส่น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี เนยเค็ม นมจืด เกลือทะเล และน้ำผึ้งลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน เคี่ยวไฟอ่อนเรื่อยๆ จนมีลักษณะความข้นคล้ายนมข้นหวานและมีสีสวย ชิมรสชาติหวานๆเค็มๆตามชอบนะคะ เมื่อได้ซอสคาราเมลแล้ว ให้ยกลงพักให้อุ่นๆค่อนไปทางเย็นค่ะ
4. นำขนมปังที่พักไว้ใส่ลงชามใหญ่ๆหน่อยค่ะ แบ่งซอสคาราเมลที่อุ่นๆค่อนไปทางเย็นออกเป็น 3 ส่วนใส่ส่วนแรกลงไปคลุกให้เข้ากันอย่างเบามือ ใส่ส่วนที่สองลงต่อคลุกให้เข้ากัน และส่วนที่สามลงตามคลุกให้เข้ากันอย่างเบามือเช่นกันค่ะ (ถ้าจะใส่ธัญพืช ลูกเกด งาคั่ว แนะนำให้ใส่ในขั้นตอนนี้นะคะ) แล้วนำมาเทกระจายตัวในถาด
5. ให้นำเข้าอบอีกครั้งที่ความร้อน 150  ํC ไฟบนล่าง 10 นาที เพื่อความกรอบยิ่งขึ้น
6. เมื่อครบเวลานำมากระจายบนถาด รอให้เย็น ก็เก็บใส่กล่องที่มิดชิดไว้ทานเล่นหรือขายได้เลยค่ะ

สำหรับผู้ที่ไมโครเวฟ (วิธีนี้ขนมจะกรอบหนึบๆ เพราะน้ำผึ้งนะคะ ถ้าไม่มีน้ำผึ้งจะกรอบแห้ง)

1. นำขนมปังแผ่นที่แช่เย็นจนแข็งแล้วมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าด้านละ 6 x 6 ของแผ่น แล้วนำเข้าเวฟไฟแรงสุด 2 นาที (ถ้าเยอะเกินให้ทยอยแบ่งเข้าเวฟจะได้กรอบทั่วถึงค่ะ) แล้วยกออกมาพักไว้ให้เย็น3. ใส่น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี เนยเค็ม นมจืด เกลือทะเล และน้ำผึ้งลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน เคี่ยวไฟอ่อนเรื่อยๆ จนมีลักษณะความข้นคล้ายนมข้นหวานและมีสีสวย ชิมรสชาติหวานๆเค็มๆตามชอบนะคะ เมื่อได้ซอสคาราเมลแล้ว ให้ยกลงพักให้อุ่นๆค่อนไปทางเย็นค่ะ
4. นำขนมปังที่พักไว้ใส่ลงชามใหญ่ๆหน่อยค่ะ แบ่งซอสคาราเมลที่อุ่นๆค่อนไปทางเย็นออกเป็น 3 ส่วนใส่ส่วนแรกลงไปคลุกให้เข้ากันอย่างเบามือ ใส่ส่วนที่สองลงต่อคลุกให้เข้ากัน และส่วนที่สามลงตามคลุกให้เข้ากันอย่างเบามือเช่นกันค่ะ (ถ้าจะใส่ธัญพืช ลูกเกด งาคั่ว แนะนำให้ใส่ในขั้นตอนนี้นะคะ) แล้วนำมาเทกระจายตัวในถาด
5. ให้แบ่งเข้าเวฟไฟสูงสุด 1.50 นาที แล้วนำออกมาคนกลับด้าน เข้าเวฟต่ออีก 1.50 นาที เสร็จแล้วยกออกมากระจายๆบนถาด ตอนแรกจะเหนียวๆหน่อย พอแห้งจะกรอบขึ้นค่ะ
6. รอให้เย็น จัดเก็บใส่กล่องที่มิดชิดไว้ทานเล่นหรือขายได้เลยค่ะ

หมายเหตุ
 
ถ้าอยากเปลี่ยนรสชาติเป็นโกโก้ โอวัลติน กาแฟ ให้ใส่ตอนที่ซอสคาราเมลใกล้ได้ที่นะคะ โดยวิธีร่อนเป็นผงๆลงไป อย่าเทเป็นช้อนนะคะ มันจะเป็นเม็ดๆ (รสโกโก้และกาแฟใส่ประมาณ 1/2 ช้อนโต๊ะ และโอวัลติน 1 ช้อนโต๊ะ)

กระทงทองไส้ไก่

กระทงทองไส้ไก่

ส่วนผสมและวิธีทำกระทงทองไส้ไก่

ตัวไส้ไก่

1. เนื้อไก่  500 กรัม
2. เนื้อกุ้ง  500 กรัม
3. พริกไทยเม็ด 20 เม็ด หรือมากน้อยตามชอบ
4. กระเทียมกลีบเล็ก 10 กลีบ
5. ผงกระหรี่  1 ช้อนชา
6. ซีอิ๊วขาว 1-2 ข้อนโต๊ะ
7. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำมันหอย  1 ช้อนโต๊ะ
9. แครอทหั่นเต๋า + ถั่วลันเตา + ข้าวโพด (จะซื้อแบบแช่แข็งในห้างมาใช้ก็ได้นะคะ)

1. ปลอกกระเทียมและเตรียมพริกไทยเม็ดไว้ นำกระเทียมและพริกไทยลงโขลกให้ละเอียด เสร็จแล้วพักไว้
2. สับเนื้อไก่และเนื้อกุ้งทั้งสองจนละเอียดแล้ว พักไว้
3. ตั้งกระทะใส่น้ำมัน นำพริกไทยกับกระเทียมที่โขลกไว้ลงไปผัดให้สีเหลืองนวลๆ
4. ใส่เนื้อไก่สับลงไปผัดก่อน แล้วใช้ตะหลิวยีๆเนื้อไก่ให้กระจาย อย่าให้จับตัวเป็นก้อน เมื่อไก่สุกแล้วเขี่ยไว้ขอบกระทะก่อน แล้วใส่เนื้อกุ้งสับลงไปผัดให้เข้ากันค่ะ ตามด้วยแครอทหั่นเต๋า + ถั่วลันเตา + ข้าวโพด เพื่อสีสันสวยงาม (ที่ซื้อมาแบบสำเร็จรูปแช่แข็ง)
5. ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว ผงซุปไก่นิดหน่อย และผงกระหรี่ ผัดเคล้าให้เข้ากันจนไส้ไก่มีสีเหลืองนวลๆ ตักขึ้นพักไว้ใส่ลงในกระทงทองค่ะ

แป้งกระทงทอง

1. แป้งสาลี 1 ถ้วย
2. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
3. น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
4. เกลือป่น 1 ช้อนชา
5. น้ำปูนใส 1 + 1/ 2 ถ้วย
6. น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำมันสำหรับทอด

1. ผสมแป้งสาลีและแป้งข้าวเจ้าเข้าด้วยกัน แล้วร่อนแป้งก่อน จากนั้นเติมน้ำตาลทราย เกลือป่น น้ำปูนใส และน้ำมันลงไป ใช้ตะกร้อมือคนหรือใช้มือขยำจนแป้งไม่เป็นเม็ด กรองด้วยกระชอน
2. จากนั้นเทน้ำมันสำหรับทอดใส่กระทะก้นลึกหรือหม้อ กะปริมาณน้ำมันให้พอท่วมพิมพ์ แล้วตั้งไฟ
กลางๆ รอให้น้ำมันร้อนจัดๆ
3. นำพิมพ์กระทงทองจุ่มในน้ำมัน รอจนพิมพ์ร้อนดียกพิมพ์ขึ้นมาให้สะเด็ดน้ำมันออก จากนั้นนำพิมพ์จุ่มพอให้ติดแป้งแต่ภายนอก แล้วยกลงมาจุ่มในน้ำมัน พอแป้งเริ่มอยู่ตัวให้กดก้นพิมพ์ลงก้นหม้อ จะทำให้ก้นกระทงทองแบน แล้วยกขึ้นมาทอดจนเหลือง แป้งจะหลุดออกจากพิมพ์เอง แล้วช้อนขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมัน รอให้เย็น จึงนำไปใส่ไส้ไก่ที่ผัดเตรียมไว้

กระทงทองไส้ไก่ต้องมีน้ำจิ้มอาจาดแตงกวา รสชาติอาจาดหวานๆ เปรี้ยวๆ จะช่วยแก้เลี่ยนได้เป็นอย่างดี เวลาทานค่อยหยอดไส้ลงไป ไม่ควรหยอดไว้ก่อนถ้าไส้ไม่แห้งจะทำให้ตัวกระทงแฉะ จะไม่กรอบค่ะ

ข้าวเหนียวหน้านวล

ข้าวเหนียวหน้านวล สูตรนี้ใช้ถาดพิมพ์ขนาด 8×12 หรือ 10×10 : 1 ถาด (เรื่องความหวาน เค็มของหน้าขนมนั้นสามารถปรับตามชอบได้ค่ะ)

ส่วนผสมข้าวเหนียวหน้านวล
 
ตัวข้าวเหนียว

1. ข้าวเหนียวใหม่ 400 กรัม
2. หางกะทิ 400 กรัม
3. น้ำตาลทราย 1 + 1/2 ช้อนโต๊ะ
4. เกลือ 1/8 ช้อนชา

หน้าขนม

1. หัวกะทิ 400 กรัม
2. น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
4. เกลือ 1/2 ช้อนชา
5. แป้งข้าวเจ้า 1 + 1/2 ช้อนโต๊ะ

ของตกแต่งหน้าขนม พวกถั่วแดงต้มสุก ทองหยอด เป็นต้น

วิธีทำข้าวเหนียวหน้านวล

1. นำล้างข้าวเหนียวให้สะอาด ยกขึ้นสะเด็ดน้ำ แล้วใส่ลงในถาดพิมพ์ขนาด 8×12 หรือ 10×10 ตามชอบ
2. ผสมหางกะทิ น้ำตาลทราย และเกลือให้เข้ากัน เทลงไปในถาดที่ใส่ข้าวเหนียวไว้แล้ว
3. ตั้งน้ำในลังถึงให้เดือด นำขึ้นนึ่งประมาณ 45 นาที (ขนาดถาด 8×12) พอข้าวเหนียวสุก นำลงมาพักให้ข้าวเหนียวเย็น
4. ต่อมาทำหน้าขนมกันค่ะ ใส่หัวกะทิ น้ำตาลทราย และเกลือผสมคนให้เข้ากันในชาม คนให้น้ำตาลทรายและเกลือละลาย จึงใส่แป้งข้าวเจ้าลงคนให้ละลายเข้ากัน
5. เมื่อข้าวเหนียวเย็น ราดหัวกะทิที่ส่วนผสมไว้ลงไป นำขึ้นนึ่งประมาณ 20 นาที
6. เสร็จแล้วยกลง พักให้เย็น แล้วแต่งหน้าด้วยถั่วแดงต้มสุกและทองหยอดตามชอบเลยค่ะ

ขนมเผือก (สูตรป้าหมู)

ขนมเผือก (สูตรป้าหมู)

ส่วนผสมขนมเผือก

1. เผือกนึ่งสุกบดหยาบ 500 กรัม (2+1/2 ถ้วยตวง)
2. หัวกะทิข้นๆ (หรือ กะทิอร่อยดี) 400 กรัม (1+3/4 ถ้วยตวง)
3. น้ำตาลปี๊ปนิ่มเหลว 70 กรัม (3/4 ถ้วยตวง)
4. น้ำตาลทราย 180 กรัม (1+1/2 ถ้วยตวง)
5. เกลือแกงถุงเล็ก 2 ช้อนชา
6. แป้งข้าวเจ้า (ตราช้างสามเศียร) 100 กรัม (1+1/2 ถ้วยตวง)
7. แป้งมัน (ตราปลามังกร) 85 กรัม (1 ถ้วยตวง)
8. แป้งท้าวยายม่อม (ตราปลามังกร) 85  กรัม (1/2+1/4 ถ้วยตวง)
9. มะพร้าวน้ำหอมทึนทึกขูดเส้น / มะพร้าวขูดขาว 70 กรัม (3/4 ถ้วยตวง)
10. มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น (สำหรับโรยหน้าขนม)

วิธีทำขนมเผือก

1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และแป้งท้าวยายม่อมลงในอ่างผสม ค่อยๆใส่กะทิลงไป 200 กรัม นวดกับแป้งจนแป้งเหนียวจับตัวเป็นก้อน ไม่ติดภาชนะ ถ้าแป้งยังไม่เหนียว ค่อยๆเติมกะทิลงไปอีก
2. นำกะทิที่เหลือทั้งหมด ใส่น้ำตาลปี๊ป น้ำตาลทราย และเกลือแกงลงคนให้น้ำตาลละลายไม่เป็นเม็ด แล้วเทผสมกับแป้งให้เข้ากันดี ถึงตรงนี้เนื้อแป้งจะเหลวค่ะ
3. ใส่เผือกนึ่งสุกบดหยาบลงไปผสมให้เข้ากัน
4. ใส่มะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้นผสมให้เข้ากัน ตั้งพักไว้ 15 นาที
5. ตักเนื้อขนมใส่ถ้วยตะไล หรือ ถาดทาน้ำมัน โรยหน้าด้วยมะพร้าวทึนทึกขูดเส้น
6. ใส่น้ำลงในลังถึงให้ได้ 3/4 ของหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟแรง พอน้ำเดือด นำขนมขึ้นนึ่งนานประมาณ 18-20 นาที จนสุก เวลาขนมสุกจะมีเนื้อขนมสุกใสค่ะ
7. ตั้งไว้ให้อุ่นถึงเย็น ใช้ปลายช้อนกาแฟค่อยๆแคะจากขอบ วนๆไป จะได้ขอบขนมคม สวย ไม่ยู่ยี่ จึงลงจานหรือบรรจุกล่อง

เคล็ดลับ
  • ใส่ถ้วยตะไลนึ่งประมาณ 15-18 นาที / ถ้านึ่งใส่ถาดนึ่งนานประมาณ 35-40 นาที
  • สูตรนี้ปรับเปลี่ยนวัตถุดิบเป็นเผือก ฟักทอง มันเทศ มันม่วง แตงไทยได้นะคะ แต่ให้ปรับสูตรตามเนื้อวัตถุดิบของเรา เช่น ถ้าเป็นมันม่วงเนื้อจะแห้งกว่าให้เพิ่มกะทิ ถ้าเป็นฟักทองเนื้อเหลวกว่า ถ้าใช้กะทิตามสูตร ควรเพิ่มเนื้่อฟักทองอีก 100-150 กรัม หรือลดกะทิลงค่ะ

ขนมฟักทอง (สูตรป้าหมู)

ขนมฟักทอง (สูตรป้าหมู)

ส่วนผสมขนมฟักทอง

1. เนื้อฟักทองนึ่งสุกบดหยาบ 500 กรัม
  • เนื้อฟักทองนึ่งจะมีความเหลวกว่าเนื้ออื่นๆ ถ้าใช้กะทิตามสูตรนี้ ควรเพิ่มเนื้อฟักทองอีก 100-150 กรัม หรือลดกะทิลงค่ะ
2. หัวกะทิข้นๆ (หรือ กะทิอร่อยดี) 400 กรัม (1+3/4 ถ้วยตวง)
3. น้ำตาลปี๊ปนิ่มเหลว 70 กรัม (3/4 ถ้วยตวง)
4. น้ำตาลทราย 180 กรัม (1+1/2 ถ้วยตวง)
5. เกลือแกงถุงเล็ก 2 ช้อนชา
6. แป้งข้าวเจ้า (ตราช้างสามเศียร) 100 กรัม (1+1/2 ถ้วยตวง)
7. แป้งมัน (ตราปลามังกร) 85 กรัม (1 ถ้วยตวง)
8. แป้งท้าวยายม่อม (ตราปลามังกร) 85  กรัม (1/2+1/4 ถ้วยตวง)
9. มะพร้าวน้ำหอมทึนทึกขูดเส้น / มะพร้าวขูดขาว 70 กรัม (3/4 ถ้วยตวง)
10. มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น (สำหรับโรยหน้าขนม)

วิธีทำขนมฟักทอง

1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และแป้งท้าวยายม่อมลงในอ่างผสม ค่อยๆใส่กะทิลงไป 200 กรัม นวดกับแป้งจนแป้งเหนียวจับตัวเป็นก้อน ไม่ติดภาชนะ ถ้าแป้งยังไม่เหนียว ค่อยๆเติมกะทิลงไปอีก
2. นำกะทิที่เหลือทั้งหมด ใส่น้ำตาลปี๊ป น้ำตาลทราย และเกลือแกงลงคนให้น้ำตาลละลายไม่เป็นเม็ด แล้วเทผสมกับแป้งให้เข้ากันดี ถึงตรงนี้เนื้อแป้งจะเหลวค่ะ
3. ใส่เนื้อฟักทองนึ่งสุกบดหยาบลงไปผสมให้เข้ากัน
4. ใส่มะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้นผสมให้เข้ากัน ตั้งพักไว้ 15 นาที
5. ตักเนื้อขนมใส่ถ้วยตะไล หรือ ถาดทาน้ำมัน โรยหน้าด้วยมะพร้าวทึนทึกขูดเส้น
6. ใส่น้ำลงในลังถึงให้ได้ 3/4 ของหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟแรง พอน้ำเดือด นำขนมขึ้นนึ่งนานประมาณ 18-20 นาที จนสุก เวลาขนมสุกจะมีเนื้อขนมสุกใสค่ะ
7. ตั้งไว้ให้อุ่นถึงเย็น ใช้ปลายช้อนกาแฟค่อยๆแคะจากขอบ วนๆไป จะได้ขอบขนมคม สวย ไม่ยู่ยี่ จึงลงจานหรือบรรจุกล่อง

เคล็ดลับ

  • ใส่ถ้วยตะไลนึ่งประมาณ 15-18 นาที / ถ้านึ่งใส่ถาดนึ่งนานประมาณ 35-40 นาที
  • สูตรนี้ปรับเปลี่ยนวัตถุดิบเป็นเผือก ฟักทอง มันเทศ มันม่วง แตงไทยได้นะคะ แต่ให้ปรับสูตรตามเนื้อวัตถุดิบของเรา ถ้าเป็นมันม่วงเนื้อจะแห้งกว่าให้เพิ่มกะทิ ถ้าเป็นฟักทองเนื้อเหลวกว่า ถ้าใช้กะทิตามสูตร ควรเพิ่มเนื้่อฟักทองอีก 100-150 กรัม หรือลดกะทิลงค่ะ

ขนมกล้วย (สูตรป้าหมู)

ขนมกล้วย (สูตรป้าหมู)

ส่วนผสมขนมกล้วย

1. กล้วยน้ำว้าสุกงอมมากๆ บดหยาบๆ 500 กรัม (2+1/2 ถ้วยตวง)
2. หัวกะทิข้นๆ (หรือ กะทิอร่อยดี) 400 กรัม (1+3/4 ถ้วยตวง)
3. น้ำตาลปี๊ปนิ่มเหลว 70 กรัม (3/4 ถ้วยตวง)
4. น้ำตาลทราย 180 กรัม (1+1/2 ถ้วยตวง)
5. เกลือแกงถุงเล็ก 2 ช้อนชา
6. แป้งข้าวเจ้า (ตราช้างสามเศียร) 100 กรัม (1+1/2 ถ้วยตวง)
7. แป้งมัน (ตราปลามังกร) 85 กรัม (1 ถ้วยตวง)
8. แป้งท้าวยายม่อม (ตราปลามังกร) 85  กรัม (1/2+1/4 ถ้วยตวง)
9. มะพร้าวน้ำหอมทึนทึกขูดเส้น / มะพร้าวขูดขาว 70 กรัม (3/4 ถ้วยตวง)
10. มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น (สำหรับโรยหน้าขนม)

วิธีทำขนมกล้วย

1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และแป้งท้าวยายม่อมลงในอ่างผสม ค่อยๆใส่กะทิลงไป 200 กรัม นวดกับแป้งจนแป้งเหนียวจับตัวเป็นก้อน ไม่ติดภาชนะ ถ้าแป้งยังไม่เหนียว ค่อยๆเติมกะทิลงไปอีก
2. นำกะทิที่เหลือทั้งหมด ใส่น้ำตาลปี๊ป น้ำตาลทราย และเกลือแกงลงคนให้น้ำตาลละลายไม่เป็นเม็ด แล้วเทผสมกับแป้งให้เข้ากันดี ถึงตรงนี้เนื้อแป้งจะเหลวค่ะ
3. ใส่กล้วยน้ำว้าสุกงอมมากๆที่บดหยาบๆลงไปผสมให้เข้ากัน อย่าลืมเหลือเนื้อกล้วยเป็นชิ้นเล็กๆไว้วางบนหน้าขนมบ้างนะคะ
4. ใส่มะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้นผสมให้เข้ากัน ตั้งพักไว้ 15 นาที
5. ตักเนื้อขนมใส่ถ้วยตะไล หรือ ถาดทาน้ำมัน โรยหน้าด้วยมะพร้าวทึนทึกขูดเส้น
6. ใส่น้ำลงในลังถึงให้ได้ 3/4 ของหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟแรง พอน้ำเดือด นำขนมขึ้นนึ่งนานประมาณ 18-20 นาที จนสุก เวลาขนมสุกจะมีเนื้อขนมสุกใสค่ะ
7. ตั้งไว้ให้อุ่นถึงเย็น ใช้ปลายช้อนกาแฟค่อยๆแคะจากขอบ วนๆไป จะได้ขอบขนมคม สวย ไม่ยู่ยี่ จึงลงจานหรือบรรจุกล่อง

เคล็ดลับขนมกล้วย (สูตรป้าหมู)
  • ใส่ถ้วยตะไลนึ่งประมาณ 15-18 นาที / ถ้านึ่งใส่ถาดนึ่งนานประมาณ 35-40 นาที
  • ใช้กล้วยน้ำว้า 400 กรัม กล้วยหอม 100 กรัม จะได้ขนมกล้วยที่มีความหนึบและความหอมเพิ่มขึ้น
  • ถ้าใช้กล้วยหอมอย่างเดียว ขนมกล้วยจะไม่หนึบหนับๆ เพราะในกล้วยหอมจะมีน้ำมาก แต่ถ้าจะใช้กล้วยหอมจริงแนะนำให้ลดปริมาณกะทิลงค่ะ
  • สูตรนี้ปรับเปลี่ยนวัตถุดิบเป็นเผือก ฟักทอง มันเทศ มันม่วง แตงไทยได้นะคะ แต่ให้ปรับสูตรตามเนื้อวัตถุดิบของเรา ถ้าเป็นมันม่วงเนื้อจะแห้งกว่าให้เพิ่มกะทิ ถ้าเป็นฟักทองเนื้อเหลวกว่า ถ้าใช้กะทิตามสูตร ควรเพิ่มเนื้่อฟักทองอีก 100-150 กรัม หรือลดกะทิลงค่ะ

วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ขนมตาล (สูตรเจ๊หลี)

ขนมตาล (สูตรเจ๊หลี) : หอม ฟู นุ่ม ไม่ใช้ยีสต์ เหมาะสำหรับเนื้อตาลยีใหม่ๆ หรือเนื้อตาลที่เก็บไม่เกินสัปดาห์ค่ะ

ส่วนผสมขนมตาล

1. กะทิ 1 กระป๋อง ผสมน้ำเพิ่มอีกจนได้สัดส่วน 2+1/4 ถ้วยตวง (520 กรัม)
(หรือถ้าใครจะคั้นกะทิเอง ใช้มะพร้าวขาวขูด 500 กรัม คั้นให้ได้กะทิข้นๆ 2+1/4 ถ้วยตวง)
2. น้ำตาลทราย 1+2/3 ถ้วยตวง (275 กรัม)
3. แป้งข้าวจ้าว 2+1/2 ถ้วยตวง (235 กรัม)
4. เนื้อตาล 3/4 ถ้วยตวง (170 กรัม)
(เนื้อตาลยีให้นำมาแขวนด้วยผ้าขาวบางให้น้ำหยดให้หมดก่อนนะคะ แขวนไว้ประมาณ 1 วันค่ะ)
5. มะพร้าวแก่ทึนทึกขูดฝอย ผสมเกลือ เตรียมไว้โรยหน้า
6. ผงฟู 1/2 - 1 ช้อนชา

วิธีทำขนมตาล

1. ผสมน้ำกะทิกับน้ำตาลทรายลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ จนน้ำตาลละลาย คนต่อไปจนเดือดทั่ว ทิ้งไว้ให้เย็น (ถ้าใช้กะทิคั้นเองให้กรองน้ำกะทิด้วยค่ะ)
2. ร่อนแป้งข้าวจ้าว แล้วนำมาผสมกับเนื้อตาล ใช้ปลายนิ้วเคล้าให้เข้ากัน ลักษณะที่ได้จะเป็นเม็ดๆ (เหมือนทำแป้งพาย) แล้วใส่กะทิลงไปนิดหน่อย กะประมาณให้สามารถนวดแป้งเข้ากันเป็นแป้งโดได้ ไม่ถึงกับแฉะ แล้วก็นวดต่อไป เหมือนนวดแป้งขนมปัง ประมาณ 25 นาที
3. พอนวดเสร็จ เติมกะทิส่วนที่เหลือลงไปทีละน้อย นวดแป้งให้ละลายกับน้ำกะทิ จนได้ส่วนผสมเหลว 4. คลุมด้วยพลาสติกอย่างมิดชิด หรือปิดฝาพักไว้จนขึ้นเป็นฟองละเอียดประมาณ 6 ชั่วโมง หรือถ้าจะให้ดี ก็คือเตรียมแป้งตอนกลางคืน ทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วมานึ่งตอนเช้าค่ะ
5. เตรียมลังถึงใส่น้ำ 3/4 ของหม้อ นำขึ้นต้มให้เดือด ใส่ถ้วยตะไลหรือพิมพ์ที่จะใช้นึ่งขนมลงไปนึ่งให้ร้อนจัดก่อนจะนึ่งขนม
6. เสร็จแล้วตักเนื้อขนมตาลแบ่งใส่ถ้วยเล็กมาประมาณ 1 ถ้วยตวง แล้วใส่ผงฟูประมาณ 1/2 -1 ช้อนชาลงไปคนให้ละลายเข้ากันด้วยช้อนไม้หรือพายยาง แล้วค่อยเทส่วนผสมในถ้วยเล็กใส่เนื้อตาลที่ตักแบ่งมา คนผสมให้เข้ากันทั้งหม


7. ตักใส่พิมพ์ที่กำลังอุ่นร้อนๆ นึ่งประมาณ 10 -15 นาที (แล้วแต่ขนาดของพิมพ์) เช็คขนมตาลว่าสุกหรือยัง ด้วยการใช้ไม้จิ้มฟันแทงเนื้อขนมดู หากยังแฉะ ก็ถือว่ายังไม่สุกค่ะ ขนมตาลจะฟูมากน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณของผงฟูที่ใส่ด้วยนะคะ

บัวลอยสาคูมะพร้าวอ่อน

บัวลอยสาคูมะพร้าวอ่อน (สาคูวิลาศ / สาริกาเล่นน้ำ)

ส่วนผสมบัวลอยสาคูมะพร้าวอ่อน

1. เม็ดสาคู 200 กรัม
2. สีจากธรรมชาติ 2 ช้อนโต๊ะ (หรือสีผสมอาหารตามชอบ)
  • สีม่วงจากน้ำคั้นดอกอัญชัน 
  • สีแดงจากน้ำหวานเฮบูลบอย 
  • สีเขียวจากน้ำคั้นใบเตย 
  • สีเหลืองจากฟักทอง
3. น้ำตาลทราย 250 กรัม
4. น้ำเปล่า 200 กรัม
5. ใบเตย 4-5 ใบ
6. เนื้อมะพร้าวอ่อนตามชอบ (นำไปนึ่ง 5 นาที)
7. เกลือ 1/4 ช้อนชา
8. น้ำกะทิ 250 กรัม

วิธีทำบัวลอยสาคูมะพร้าวอ่อน

1. นำเม็ดสาคูมาล้างน้ำผ่านกระชอน 1 รอบ แล้วรอให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นแบ่งสาคูออกเป็น 4-5 ถ้วย (แล้วแต่สีที่นำมาผสมนะคะว่าใช้กี่สี) วันนี้เราใช้ 4 สีค่ะ
2. นำน้ำสีมาใส่ในเม็ดสาคูประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน แล้วพักทิ้งไว้ให้เม็ดสาคูดูดน้ำสีของเราค่ะ
3. ระหว่างนั้นเรามาทำส่วนของน้ำเชื่อมกันค่ะ นำน้ำเปล่า น้ำตาลทราย และใบเตยใส่หม้อ ยกขึ้นตั้งไฟน้ำคนจนน้ำตาลละลาย แล้วปล่อยให้เดือด ตักใบเตยออก ต้มต่อไปอีก 5 นาที ก็ปิดเตา ยกลง พักไว้
4. ถึงเวลาปั้นเม็ดสาคูแล้วค่ะ ขยำเม็ดสาคูให้เข้ากัน แล้วปั้นเม็ดสาคูเป็นก้อนเล็กหรือใหญ่ตามชอบ ทำแบบนี้ไปจนหมดทุกสี
5. แล้วตั้งหม้อใส่น้ำเปล่าลงต้มให้เดือด พอน้ำเดือดจัด ใส่สาคูที่ปั้นไว้ลงต้ม รอจนสาคูลอยขึ้นมา (อย่าเพิ่งตักออกนะคะ) ต้มต่อไปอีก 3-5 นาที แล้วตักขึ้นมาน๊อกในน้ำเย็นจัดค่ะ
6. ส่วนของน้ำกะทิ นำน้ำกะทิใส่หม้อตั้งไฟอ่อน ใส่เกลือลงไปคนให้เข้ากัน ปล่อยให้กะทิร้อน แต่อย่าให้เดือดนะคะ ปิดไฟ ยกลง
7. ตักเม็ดสาคูใส่ชาม ราดด้วยน้ำเชื่อม น้ำกะทิ และโรยหน้าด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อนนึ่ง เสิร์ฟทานร้อนๆได้เลยค่ะ

ปล. สาเหตุที่ไม่ใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงในน้ำกะทิ เพราะกลัวน้ำกะทิจะเสียค่ะ เป็นการถนอมอาหารไปในตัว

วุ้นน้ำนมข้าวโพด

วุ้นน้ำนมข้าวโพด

ส่วนผสมวุ้นน้ำนมข้าวโพด

1. ข้าวโพดดิบ 450 กรัม (2 ฝัก)
2. ผงวุ้น 1+1/4 ช้อนชา
3. น้ำเปล่า (ส่วนที่ 1) 1.5 ถ้วยตวง
4. น้ำเปล่า (ส่วนที่ 2) 1 ถ้วยตวง
5. น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง + 3 ช้อนโต๊ะ
6. นมข้นหวาน 1/4 ถ้วยตวง

วิธีทำวุ้นน้ำนมข้าวโพด

1. นำข้าวโพดดิบมาแกะเปลือก ล้างให้สะอาดแล้วผึ่งสะเด็ดน้ำ แล้วฝานเอาแต่เนื้อข้าวโพด
2. เทเนื้อข้าวโพดปั่นรวมกับน้ำเปล่า (ส่วนที่ 1) จนข้าวโพดละเอียด ไม่เป็นเม็ด แล้วกรองเอาแต่น้ำ
3. นำใส่หม้อตุ๋นจนน้ำข้าวโพดสุก สังเกตจากสีมีความมันวาว เข้ม สวยให้ปิดเตา แล้วยกลง รอไว้
4. เตรียมหม้ออีกใบ นำผงวุ้นใส่น้ำเปล่า (ส่วนที่ 2) ลงคนเบาๆ พักไว้ 15 นาที
5. เมื่อครบเวลายกหม้อตั้งไฟไฟอ่อน คนจนผงวุ้นละลาย (น้ำวุ้นจะใส)
6. ใส่น้ำตาลและด้วยนมข้นหวานลงไป คนให้ละลาย
7. แล้วนำส่วนผสมเทใส่ในหม้อน้ำนมข้าวโพดที่ทำตอนแรก คนพอเข้ากัน ปิดไฟ
8. เทใส่พิมพ์ พักให้เซตตัว

น้ำนมข้าวโพดสำหรับราดวุ้น

1. ข้าวโพดดิบ 160 กรัม (1ฝัก)
2. น้ำเปล่า 3/4 ถ้วยตวง + 2 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำตาลทรายขาว 3+1/2 ช้อนโต๊ะ
4. เกลือป่น 1/8 ช้อนชา

วิธีทำ

1. นำข้าวโพดดิบมาแกะเปลือก ล้างให้สะอาดแล้วผึ่งสะเด็ดน้ำ แล้วฝานเอาแต่เนื้อข้าวโพด
2. เทเนื้อข้าวโพดปั่นรวมกับน้ำเปล่าจนข้าวโพดละเอียด ไม่เป็นเม็ด แล้วกรองเอาแต่น้ำ
3. นำใส่หม้อตุ๋นจนน้ำข้าวโพดสุก ปรุงรสชาติด้วยน้ำตาลทรายขาวและเกลือป่น คนให้เข้ากัน สังเกตว่าข้าวโพดสุกหรือยัง ให้ดูจากสีมีความมันวาว เข้ม สวยแล้วให้ปิดเตา ยกลง

เวลาเสิร์ฟนำวุ้นน้ำนมข้าวโพดที่เซตตัวแล้ว มาราดน้ำนมข้าวโพดลงไป โรยหน้าด้วยข้าวโพดต้มหรือมะพร้าวอ่อน ก็เป็นอันเสร็จพร้อมทานค่ะ

เค้กฟักทองนึ่งเจ

เค้กฟักทองนึ่งเจ สูตรคุณชำนาญ

ส่วนผสมเค้กฟักทองนึ่งเจ

1. ฟักทองนึ่งสุก 250 กรัม
2. แป้งเค้ก (แป้งบัวแดง) 400 กรัม
3. เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะ
4. ผงฟู 1/2 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำตาลทราย 200 กรัม
6. น้ำตาลปิ๊บ 75 กรัม
7. กะทิ 200 กรัม
8. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
9. เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ
10. น้ำมันพืช 150 กรัม

วิธีทำเค้กฟักทองนึ่งเจ

1. ร่อนแป้งบัวแดง + ผงฟู + เบกกิ้งโซดา 2 รอบ
2. ปั่นฟักทองนึ่งสุก กะทิ น้ำตาลทราย น้ำตาลปิ๊บ และเกลือให้เข้ากัน
3. เทฟักทองปั่นลงอ่างผสม แล้วเติมแป้งที่ร่อนไว้แล้วลงไป เติมน้ำมันพืช ใช้ตระกร้อมือค่อยๆคนไปทางเดียวกันไปเรื่อยๆจนเข้ากัน
4. เติมน้ำมะนาวลงคนต่อให้เข้ากันดี เติมสีหากต้องการ พักแป้งปิดฝาหรือแร๊พพลาสติกไว้ 30 นาที
5. เมื่อพักแป้งได้ที่แล้ว ตักเนื้อขนมลงพิมพ์กระดาษ 3/4 ของถ้วย นำนึ่งในลังถึง 12-15 นาที เมื่อเค้กสุกก็เปิดฝายกลงได้เลยค่ะ
ขับเคลื่อนโดย Blogger.