วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2560

เค้กทุเรียน

เค้กทุเรียน หน้าทุเรียนหมอนทองแน่นๆ เนื้อทุเรียนหวานกรอบ เค้กนุ่มๆสอดไส้ครีมทุเรียนหวานมัน

ส่วนผสมและวิธีทำเค้กทุเรียน

เนื้อเค้กสปันจ์

1. แป้งเค้ก 100 กรัม
2. ไข่ (เบอร์ 0) 3 ฟอง
3. ผงฟู 1 ช้อนชา
4. น้ำตาลทราย 100 กรัม
5. นมสดอุ่น 80 กรัม
6. เกลือ 1/4 ช้อนชา
7. เอสพี (SP) 10 กรัม
8. เนยสดเค็ม 80 กรัม

ครีมสด

1. วิปครีม 400 กรัม (ใช้ยี่ห้อโฟร์โมสผสมกับยี่ห้อมิลแลค)
2. น้ำตาลทราย 40 กรัม

ไส้ครีมทุเรียน

1. เนื้อทุเรียน 200 กรัม (เลือกสุกเละหน่อยค่ะ)
2. กระทิ 150 กรัม
3. นมสด 150 กรัม
4. น้ำตาลทราย 50 กรัม
5. แป้งกวนไส้ (หรือ แป้งข้าวโพด) 20 กรัม
6. เกลือ 1/4 ช้อนชา

วิธีทำเค้กทุเรียน

1. วอร์มเตาอบไฟบน-ล่าง 180 องศาเซลเซียส
2. ร่อนแป้งเค้กและผงฟูรวมกัน พักไว้
3. ตีไข่ น้ำตาล เอสพี ด้วยเครื่องตีจนส่วนผสมฟูข้นเป็นสีขาว
4. เทนมสดอุ่นลงไปตีต่อประมาณ 2 นาที ส่วนผสมจะเหลวขึ้นเล็กน้อย
5. ใส่แป้งที่ร่อนไว้ลงไปตีด้วยความเร็วต่ำ 1 นาที แล้วปรับเป็นความเร็วกลางประมาณ 5 นาที ปาดอ่าง
6. ละลายเนยพออุ่นๆ แล้วค่อยๆเทใส่ส่วนผสม ตีจนส่วนผสมเข้ากันกับเนย ปาดอ่างให้ทั่ว
7. เทส่วนผสมใส่พิมพ์ 3 ปอนด์ ยกเข้าอบไฟบนล่าง ประมาณ 50 นาที หรือจนกว่าเค้กจะสุก

8. ระหว่างรอเค้กสุก เราก็มาทำครีมทุเรียนรอไว้เลยค่ะ โดยใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงในเครื่องปั่น แล้วปั่นให้ละเอียด ขั้นตอนนี้ใครชอบครีมทุเรียนแบบมีเนื้อทุเรียนก็ไม่ต้องปั่นละเอียดนะคะ ปรับตามชอบเลยค่ะ
9. จากนั้นเทส่วนผสมใส่หม้อแล้วยกขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ กวนไฟอ่อนๆจนส่วนผสมข้นขึ้น แล้วยกลงพักไว้ให้เย็นค่ะ

10. ต่อมาทำครีมสดค่ะ ตีวิปครีมให้ตั้งยอด แล้วเทส่วนผสมครีมทุเรียน 1/3 ของครีมที่กวนไว้ลงไปตีให้เข้ากันค่ะ สีครีมสดที่ได้จะดูครีมๆค่ะ

11. เมื่อเค้กสุกได้ที่นำออกมาวางให้เย็น แล้วสไลด์เค้กเป็น 3 เลเยอร์ บีบครีมสดลงไปเป็นวงกลมรอบๆเค้กเลเยอร์ที่ 1 ให้มีช่องว่างตรงกลาง ใส่ครีมทุเรียนลงไปตรงกลาง ทำแบบเดียวกันกับเค้กเลเยอร์ที่ 2 แล้วปิดทับด้วยเนื้อเค้กเลเยอร์ที่ 3 ปาดครีมสดที่เหลือให้ทั่วทั้งเค้ก บีบขอบตกแต่งให้สวยงามค่ะ นำเค้กไปแช่เย็นก่อนซักประมาณ 2-3 ชั่วโมงให้เซ็ตตัว

12. แกะเนื้อทุเรียนเอาแต่เนื้อ (ส่วนนี้เลือกทุเรียนเนื้อกรอบนอก นุ่มใน จะสวยและอร่อยกว่าค่ะ) วิธีแกะก็ใช้มีดผ่าครึ่งตามยาวแล้วแงะเม็ดออกค่ะ (ถ้าทุเรียนสุกเกินไปจะเละนะคะ) แล้วค่อยนำเนื้อทุเรียนวางบนหน้าเค้กก็เป็นอันเสร็จค่ะ

วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2560

โดนัทจิ๋ว (สูตรคุณปลาดาว)

โดนัทจิ๋ว (สูตรคุณปลาดาว)

สูตรลดต้นทุนจากสูตรเดิม
- ไม่มี sp และ ไม่มีไข่ไก่ / 1 สูตรได้ 30-35 ชิ้น (สูตรเดิม)
- เพิ่ม sp และ มีไข่ไก่ / 1 สูตรได้ 50-55 ชิ้น (ปรับสูตรลดต้นทุน)

*** สำหรับใครที่ไม่ต้องการใส่สารเสริมใดๆก็ทำตามสูตรเดิมได้เลยค่ะ แค่ตัด sp และไข่ไก่ออก ส่วนผสมทุกอย่างเท่าเดิมตามด้านล่างเลยค่ะ ความนุ่มความอร่อยยังคงเดิมไม่แตกต่างกันมากค่ะ ***

ส่วนผสมโดนัทจิ๋ว (สูตรคุณปลาดาว)

1. แป้งบัตเตอร์พวงมาลัย 250 กรัม
2. แป้งเค้ก 50 กรัม (ยี่ห้ออะไรก็ได้ คุณปลาดาวใช้มงกุฎม่วง)
3. ผงฟู 1/2 ช้อนชา
4. น้ำตาลทราย 2 ชัอนโต๊ะ
5. น้ำเปล่า 100 กรัม
6. นมข้นจืด 120 กรัม (ยี่ห้ออะไรก็ได้ คุณปลาดาวใช้ทีพอท)
7. กลิ่นวนิลาบัตเตอร์ 1 ช้อนชา
8. เนยสดรสจืด (หรือมาการีนกลิ่นเนยสดของเบสฟู้ด) 65กรัม (เนยละลายพักให้เย็น)
9. sp 10 กรัม
10. ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 1 ฟอง

วิธีทำโดนัทจิ๋ว (สูตรคุณปลาดาว)

1. ใส่แป้งบัตเตอร์พวงมาลัย + แป้งเค้ก + ผงฟู + น้ำตาลทรายลงในโถผสม ใช้ตะกร้อมือคนส่วนผสมพอเข้ากัน
2. ใส่ไข่ 1 ฟอง + กลิ่นวนิลาบัตเตอร์ + น้ำเปล่า + นมข้นจืดลงในโถแป้ง ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากันพอให้แป้งไม่ฟุ้งไม่เป็นเม็ด
3. ใส่ sp ใช้เครื่องตีไข่ตีสปีดสูงสุด 5 นาที
4. ใส่เนยละลายลงไป ตีสปีดต่ำอีก 2 นาที พักแป้งคลุมพลาสติกไว้ 1-2 ชั่วโมง
5. เมื่อพักแป้งได้ที่ วอร์มเครื่องทำโดนัทได้เลยค่ะ ไม่ต้องทาเนยที่พิมพ์โดนัท ไม่อย่างนั้นหน้าขนมจะด่าง ตักแป้งลงบนเครื่องโดนัท จับเวลา 2 นาที (ไม่เปิดดูจนกว่าจะครบเวลา) ครบเวลาเปิดเครื่อง หากชิ้นไหนสีอ่อนให้กลับด้านได้ กลับด้านแล้วเปิดเครื่องค้างเลยห้ามปิดฝา ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มด้านข้างตัวขนมนำออกพักให้เย็นบนตะแกรง

*** หากต้องการทำเป็นรสช็อคโกแลต ให้เพิ่มผงโกโก้ โดยลดปริมาณแป้งลงด้วยคะ เช่น แป้งบัตเตอร์พวงมาลัย 250 กรัม แป้งเค้ก 30 กรัม ผงโกโก้ 20 กรัม (หรือถ้าไม่ลดแป้งก็ได้นะคะ แต่เนื้อขนมจะหนักกว่าลดแป้งออกนิดหน่อย ***

เค้กช็อกโกแลตลูกพรุน (สูตรคุณรัชกฤช)

เค้กช็อกโกแลตลูกพรุน  (สูตรคุณรัชกฤช) เป็นเค้กช็อกโกแลตที่มีเนื้อลูกพรุนอยู่ในตัวเค้กและบัตเตอร์ครีมก็มีลูกพรุนเป็นส่วนผสมด้วย

ส่วนผสมเค้กช็อกโกแลตลูกพรุน (สูตรคุณรัชกฤช)

1. แป้งเค้ก 150 กรัม
2. โซดาทำขนม ½ ช้อนชา
3. ผงฟู ½ ช้อนชา
4. ผงโกโก้ 20 กรัม
5. น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1) 100 กรัม
6. เกลือ ¼ ช้อนชา
7. ไข่แดง (เบอร์ 2) 5 ฟอง
8. น้ำผึ้ง 30 กรัม
9. น้ำสะอาด 70 กรัม
10. น้ำมันรำข้าว 90 กรัม
11. ลูกพรุนหั่นชิ้นเล็กๆ 120 กรัม
12. กลื่นวานิลลา 1 ช้อนชา
13. ไข่ขาว (เบอร์ 2) 5 ฟอง
14. น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2) 110 กรัม
15. ครีมออฟทาร์ทาร์ ½ ช้อนชา

วิธีทำเค้กช็อกโกแลตลูกพรุน (สูตรคุณรัชกฤช)

1. ร่อนแป้งเค้ก โซดาทำขนม ผงฟู และผงโกโก้เข้าด้วยกัน พักไว้
2. ผสมน้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1) และเกลือในอ่าง เติมไข่แดง ใช้ตะกร้อมือคนผสมจนสีไข่แดงจางลง แล้วเติมกลิ่นวานิลลา
3. ละลายน้ำผึ้งกับน้ำสะอาด แล้วเทลงไปในส่วนผสมข้อที่ 2 ตามด้วยน้ำมันรำข้าว ใช้ตะกร้อมือคนพอเข้ากัน ใส่ลูกพรุนหั่นลงไปคนพอเข้ากัน
4. เทส่วนผสมแป้งลงผสมกับส่วนผสมข้อที่ 3 ใช้ตะกร้อมือคนจนส่วนผสมไม่เป็นเม็ดแป้ง พักไว้
5. ตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบๆด้วยหัวตีตะกร้อ ความเร็วค่อนข้างสูง
6. ผสมน้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2) กับ ครีมออฟทาร์ทาร์ แล้วค่อยๆเทลงไปในไข่ขาว ตีต่อจนตั้งยอดกลางเกือบแข็ง
7. แบ่งส่วนผสมไข่ขาวเป็น 3 ส่วน ค่อยๆตักมาผสมกับส่วนผสมข้อที่ 4 ค่อยๆตะล่อมเบาๆจนหมด และเข้ากันดี
8. เทส่วนผสมลงพิมพ์ 3 ปอนด์ จำนวน 3 พิมพ์ น้ำหนักเท่าๆกัน (ถ้าบ้านใครมีเตาอบเล็กก็เทส่วนผสมลงพิมพ์ 3 ปอนด์ 1 พิมพ์ ก็ได้ แล้วค่อยมาสไลด์ ให้ได้ 3 เลเยอร์ ภายหลัง)
9. นำเข้าอบไฟบนและไฟล่าง ด้วยอุณหภูมิ 180 °C จนกว่าจะสุก
10. เมื่อสุกแล้ว เอาออกจากเตาอบ มาคลายร้อนบนตะแกรง

บัตเตอร์ครีมลูกพรุน

ส่วนผสมบัตเตอร์ครีมลูกพรุน

1. เนยสดจืด 300 กรัม (ถ้าใช้เนยสดเค็มลดเกลือให้เหลือ 1 ช้อนชา)
2. เกลือ 1 ½ ช้อนชา
3. ลูกพรุนหั่นชิ้นเล็กๆ 200 กรัม
4. น้ำตาลไอซิ่ง 300 กรัม
5. กลิ่นเนย 1 ช้อนชา

วิธีทำบัตเตอร์ครีมลูกพรุน

1. ตีเนยสดกับเกลือด้วยหัวตีใบไม้ ความเร็วปานกลางพอให้เนยอ่อนตัว
2. ค่อยๆใส่น้ำตาลไอซิ่งจนหมด
3. ค่อยๆใส่ลูกพรุนจนหมด และตามด้วยกลิ่นเนย ตีต่อจนครบ 10 นาที แล้วค่อยเอามาแต่งเค้ก

วิธีประกอบเค้ก

สำหรับคนที่อบพิมพ์ 3 ปอนด์ 3 พิมพ์ ให้นำแต่ละเลเยอร์มาปาดครีมสลับกันจนครบ ปาดด้านบนขอบข้าง และตกแต่งให้สวยงาม (แต่ถ้าใครมีเตาอบเล็กก็เทพิมพ์ 3 ปอนด์ 1 พิมพ์ เมื่อขนมสุกแล้วค่อยเอามาสไลด์ให้ได้ 3 เลเยอร์ค่ะ)

ขนมปังไส้หมูหยองน้ำพริกเผา

ขนมปังไส้หมูหยองน้ำพริกเผา

สำหรับแป้งขนมปังใช้สูตร วิธีทำขนมปังหลากหลายไส้ (สูตรคุณรัชกฤช) ส่วนไส้หมูหยองน้ำพริกเผาเป็นสูตรของวิทยาลัยครัวการอาชีพวังไกลกังวลค่ะ

ส่วนผสมไส้หมูหยองน้ำพริกเผา

1. น้ำตาลไอซิ่ง 50 กรัม
2. นมข้นหวาน 1 ข้อนโต๊ะ
3. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้)
4. น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ
5. พริกป่น 1 ช้อนชา
6. ซอสปรุงรส 1 - 2 ช้อนชา
7. หอมแดงเจียว 3 ช้อนโต๊ะ
8. เนยละลาย 60 กรัม
9. หมูหยอง 125 กรัม
10. งาขาวคั่วบุบพอแตก 30 กรัม

วิธีทำไส้หมูหยองน้ำพริกเผา

1. ผสมเฉพาะเครื่องปรุงรสในชามทั้งหมดเข้าด้วยกัน 
2. จากนั้นจึงใส่หมูหยอง งาขาว และหอมแดงเจียวลงคลุกเคล้าให้เข้ากัน
3. เสร็จแล้วก็ตักไส้ใส่ลงในแป้งขนมปังที่เรานวดคลึงเตรียมไว้ นำเข้าอบให้สุกได้เลยค่ะ

ชีสทาร์ตญี่ปุ่น

ชีสทาร์ตญี่ปุ่น

ส่วนผสมชีสทาร์ตญี่ปุ่น

แป้งทาร์ต

1. แป้งอเนกประสงค์ 85 กรัม
2. น้ำตาลทราย (A) 20 กรัม
3. เนยจืด (A) 42 กรัม
4. ไข่แดง 1 ฟอง
5. นมสด (A) 1/2 ช้อนชา
6. เกลือ 1/4 ช้อนชา

ครีมคัสตาร์ท

1. ครีมชีส 110 กรัม
2. พาเมซานชีส 8 กรัม
3. เนยจืด (B) 20 กรัม
4. นมสด(B) 50 กรัม
5. แป้งข้าวโพด 4 กรัม
6. ไข่ไก่ 1/2 ฟอง
7. วนิลา 1/4 ช้อนชา
8. น้ำตาล (B) 25 กรัม

วิธีทำชีสทาร์ตญี่ปุ่น

1. เราจะเริ่มทำแป้งทาร์ตก่อนนะคะ ผสมแป้งอเนกประสงค์ น้ำตาล (A) และเกลือคนให้เข้ากัน
2. ใส่เนยจืดเย็นลงไป ต้องใช้เนยเย็นเท่านั้นนะคะ แล้วคนให้เข้ากัน
3. คนบี้ๆเนยจนได้ลักษณะออกร่วนๆแบบทรายค่ะ
4. ใส่ไข่แดงและนมจืด (A) นวดให้เข้ากัน
5. นวดจนเนียน แล้วห่อด้วยพลาสติก นำไปแช่ตู้เย็นช่องธรรมดา 1 ชั่วโมง
6. ขั้นตอนต่อมาเป็นขั้นตอนของการกรุลงพิมพ์แล้วค่ะ ทาพิมพ์ด้วยเนยจืดก่อน จึงกรุด้วยแป้งทาร์ตประมาณ 25-30 กรัม แล้วแต่ขนาดของพิมพ์ พยายามเกลี่ยแป้งให้เท่าๆกันตลอดพิมพ์นะคะ หลังจากนั้นจึงจิ้มด้วยส้อม นำไปอบที่ 180 องศาเซลเซียส 15 นาที
7. ต่อมาเป็นการทำครีมชีสคัสทาร์ต สเตปในการทำครีมชีสต่อจากนี้ต้องทำบนอ่างน้ำร้อนนะคะ โดยวางอ่างผสมบนอ่างน้ำร้อนค่ะ ผสมครีมชีส พาเมซานชีส และเนยจืด (B) ลงในอ่างผสม
8. ใส่ไข่ครึ่งฟอง (ตีไข่ให้แตกก่อนนะคะ) แล้วตีให้เข้ากัน
9. ละลายแป้งข้าวโพดและนมสด (B) แล้วเทผสมกับครีมชีส คนให้เนียนเลยนะคะ
10. ใส่น้ำตาลและวนิลาลงไป คนต่อไปเรื่อยๆ จนครีมเริ่มหนึด (อย่าลืมว่าต้องทำบนอ่างน้ำร้อนนะคะ)
11. เอาครีมชีสใส่ถุงบีบ ถ้าใครไม่มีใช้ช้อนตักได้เลยค่ะ บีบครีมลงบนแป้งทาร์ตที่อบแล้ว
12. ทาหน้าขนมด้วยไข่แดง จึงนำไปอบที่ 220 องศาเซลเซียส 12-15 นาที ดูจนหน้าขนมเหลืองสวยค่ะ

สำหรับใครที่ไม่อยากทำแป้งทาร์ตเองก็สามารถใช้แป้งทาร์ตสำเร็จรูปได้นะคะ

ซาลาเปาไส้หมูแดง ไร้สารเสริม (สูตรคุณรัชกฤช)

ซาลาเปาไส้หมูแดง  (สูตรคุณรัชกฤช)

สิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับทำซาลาเปาไส้หมูแดง  (สูตรคุณรัชกฤช)

1. ซึ้งสำหรับนึ่งรองด้วยตะแกรง เพื่อให้ไอน้ำขึ้นได้สะดวก ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใช้
2. กระดาษไข ขนาด 3 x 3 นิ้ว ตามจำนวน ไว้สำหรับรองขนม ถ้าไม่มีให้ใช้ถ้วยกระดาษจีบสีขาวจะได้ดูสะอาดตา
3. เตรียมไส้หมูแดง

คำแนะนำ

1. สามารถนวดมือได้เลย ตามสูตรให้นวดประมาณ 15-20 นาที อย่าเกินนี้ ถ้าไม่ขึ้นฟิล์มไม่เป็นไร ให้ขึ้นรูปได้เลย
2. ถ้านวดเครื่องให้ใช้ส่วนผสม 4 ส่วนได้เลย อย่านวดนานเพราะขนมจะแบนไม่นูนสูง และตั้งเวลาที่ใช้นวด ปะมาณ 12-15 นาที กำลังดี
3. ซาลาเปาจะขาวได้ ขึ้นอยู่กับ แป้งต้องขาว น้ำตาลต้องขาว น้ำต้องขาว และไขมันต้องขาว
4. ***เทคนิคการนึ่ง ต้องไฟแรง นึ่งประมาณ 15 นาที น้ำประมาณ ¾ ของซึ้ง และสามารถนึ่งได้ 2 ชั้น***

ส่วนผสมและวิธีทำซาลาเปาไส้หมูแดง (สูตรคุณรัชกฤช)

ส่วนผสมไส้หมูแดง

1. หมูเนื้อแดงติดมันน้อย (ใช้เนื้อสันในก็ได้) 1 กิโลกรัม (นำมาล้างและผึ่งให้หมาด)
2. ทำน้ำหมักหมู โดยผสมซีอิ้วขาว , ซอสปรุงรส , น้ำมันหอย , น้ำมันงาเล็กน้อย , น้ำตาลทราย , น้ำตาลปิ๊บ , ซอสมะเขือเทศเล็กน้อย คนให้เข้ากันแล้วชิมให้ออกหวานตามด้วยเค็มมาติดๆ
3. นำหมูมาหมักกับน้ำหมัก 3 ชั่วโมงในตู้เย็น
4. นำออกมาย่างหรือต้มไม่ต้องใส่น้ำ หรือถ้าแห้งเกินไปเติมน้ำได้เล็กน้อย หรืออบก็ได้จนสุก
5. หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำมาผสมกับซอสหมูแดงให้เข้ากัน

ส่วนผสมซอสหมูแดง

1. น้ำตาลทราย 90 กรัม
2. ซีอิ้วขาว 50 กรัม
3. น้ำมันงา 5 กรัม
4. ซอสปรุงรส 10 กรัม
5. น้ำมันหอย 10 กรัม
6. กระเทียมปอกเปลือก 20 กรัม
7. พริกไทยขาวเม็ด 2 กรัม
8. น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
9. น้ำมันรำข้าว (ใช้น้ำมันพืชได้) 30 กรัม
10. ขิงเล็กน้อย
11. ซีอิ้วดำตามชอบ
12. น้ำสะอาด 50 กรัม

วิธีทำ

1. โขลกกระเทียม พริกไทย และขิงให้แหลก
2. วางกระทะบนเตา ใช้ไฟกลาง เทน้ำมันให้ร้อนใส่ส่วนผสมที่โขลกลงผัดจนหอม
3. ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงในกระทะผัดจนเดือด และส่วนผสมงวดลงเล็กน้อย ชิมรสแล้วตักใส่ภาชนะ นำไปผสมกับหมูแดงที่หั่นเตรียมไว้


ส่วนผสมแป้งซาลาเปา

1. แป้งทำซาลาเปา 125 กรัม
2. แป้งอเนกประสงค์ 125 กรัม
3. ยีสต์หวาน 4 กรัม
4. ผงฟู 3 กรัม
5. น้ำตาลทราย 55 กรัม
6. เกลือ 3 กรัม
7. น้ำเย็น 117 กรัม
8. น้ำมันรำข้าว 25 กรัม

วิธีทำแป้งซาลาเปา

1. ผสมแป้งซาลาเปากับแป้งอเนกประสงค์ เติมยีสต์หวานและผงฟูผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้
2. ผสมน้ำตาลทราย เกลือ น้ำเย็น ใช้ตะกร้อมือคนแรงๆ เพื่อให้น้ำตาลทรายและเกลือละลาย แล้วเทลงไปในส่วนผสมของแป้ง นวดจนไม่มีเศษผงแป้ง แล้วค่อยๆเติมน้ำมันรำข้าว นวดต่อประมาณ 15-20 นาที อย่านานกว่านี้ ไม่ขึ้นฟิล์มไม่เป็นไร
3. ตัดแป้งออกมานิดหน่อย เพื่อเช็คแป้ง โดยขึงเป็นฟิล์ม จากนั้นโรยแป้งนวลให้ทั่วบริเวณที่จะนวดแป้ง ตัดน้ำหนักแป้ง 50 กรัม คลึงกลม แล้วนำแป้งมารีดด้วยไม้คลึงโดยใช้แป้งนวลโรยบางๆ และทาที่ไม้คลึงด้วย
4. ยกแป้งแล้ววางใช้ไม้คลึงรีดแป้งให้ตรงกลางหนา ตรงริมบาง
5. พลิกกลับเอาด้านล่างขึ้นบน และด้านบนลงล่าง ใส่ไส้หมูแดงห่อจับจีบ แล้ววางบนกระดาษไขจนหมด พักแป้งประมาณ 1 ชั่วโมง ช่วงนี้คลุมด้วยแผ่นพลาสติก
6. ตั้งซึ้งให้น้ำเดือด แล้วยกขนมวาง นึ่งด้วยไฟแรงประมาณ 15 นาที ยกลงนำขนมวางบนตะแกรง ก็เป็นอันเสร็จพร้อมทาน

ขนมปังกระเทียม (สูตรคุณปลาดาว)

ขนมปังกระเทียม (สูตรคุณปลาดาว)

ส่วนผสมขนมปังกระเทียม (สูตรคุณปลาดาว)

1. น้ำตาลทรายป่น 160 กรัม
2. น้ำมันพืช 180 กรัม
3. ซีอิ้วขาว 30 กรัม
4. เกลือ1/4 ช้อนชา
5. กระเทียมไทย 40-50 กรัม

วิธีทำขนมปังกระเทียม (สูตรคุณปลาดาว)

1. นำส่วนผสมทุกอย่างลงเครื่องปั่น ***ยกเว้นน้ำมันพืช*** ปั่นทุกอย่างให้ข้นเป็นครีมประมาณ 8 นาที
2. ค่อยๆเทน้ำมันพืชเป็นสายลงไป ปั่นเรื่อยๆไม่หยุดเครื่อง โดยค่อยๆแบ่งเทเป็น 4-5 รอบ ปั่นต่ออีก 3-5 นาที จนเป็นครีมข้นเหนียว เป็นใช้ได้ค่ะ

ถ้าปั่นแล้วน้ำมันแยกชั้น อาจมีสาเหตุมาจาก
1. เทน้ำมันเร็วเกินไป
2. ไม่รอปั่น แต่ละรอบก่อน แล้วค่อยเทใหม่

เทคนิคที่จะปั่นน้ำมันพืชไม่ให้แยกชั้น คือ เดินเครื่องตลอดเวลา เทน้ำมันพืชครั้งที่ 1 ปั่นไปเรื่อยๆสักพัก เทครั้งที่ 2 ปั่นไปอีกสักพัก คือจนครบ ไม่ให้เททีเดียวจนหมดเลยนะคะ

3. จากนั้นทาลงบนขนมปังได้เลยค่ะ นำเข้าอบ 120 องศาเซลเซียส ประมาณ 25-30 นาที

**สูตรนี้ไม่ได้นำขนมปังตากแดด ตากลมนะคะ ถ้าใครกลัวไม่กรอบก็นำตากแดดก่อนได้ค่ะ ก็ลดเวลาอบลงได้ วิธีสังเกตว่าขนมปังสุกได้ที่ก็ให้ดูสีขนมเอาค่ะ เตาแต่ละบ้านความร้อนไม่เท่ากัน

มัฟฟินบลูเบอรี่

สูตรมัฟฟินบลูเบอรี่

ส่วนผสมมัฟฟินบลูเบอรี่

1. แป้งว่าว 135 กรัม
2. น้ำตาลทราย 130 กรัม
3. เกลือ 1/2 ช้อนชา
4. ผงฟู 1+1/2 ช้อนชา
5. เนยเค็มละลาย 75 กรัม
6. ไข่ 1 ฟอง
7. นมจืด 85 กรัม
8. กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
9. บลูเบอรี่สด ตามชอบ

วิธีทำมัฟฟินบลูเบอรี่

วอร์มเตาที่ 200 องศาเซลเซียส เตรียมวางถ้วยมัฟฟินกระดาษลงบนถ้วยพิมพ์

1. ผสมเกลือ+ผงฟู+แป้ง ร่อนรวมกัน 2 ครั้ง
2. ผสมน้ำตาลทรายลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน
3. ใช้ชามผสมใบใหม่ ผสมไข่+นมจืด+กลิ่นวานิลลาลงไป ตีผสมให้เข้ากัน จากนั้นค่อยๆรินผสมลงไปในของแห้ง คนส่วนผสมพอเข้ากัน ใส่เนยละลายลงไปคนให้เนื้อเนียนเข้ากัน
4. ค่อยๆตะล่อมแป้งให้เข้ากัน ใส่บลูเบอรี่สดลงไปในส่วนผสมตะล่อมเบาๆด้วยไม้พายให้กระจายทั่วๆ
5. ตักใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้จนเกือบเต็ม อบประมาณ 20-25 นาที หรือจนสุก หน้าขนมจะนูนขึ้น

เต้าฮวยฟรุตสลัด (สูตรคุณรัชกฤช)

เต้าฮวยฟรุตสลัด (สูตรคุณรัชกฤช)
ส่วนผสมและวิธีทำเต้าฮวยฟรุตสลัด (สูตรคุณรัชกฤช)

เนื้อเต้าฮวย

1. น้ำสะอาด 750 กรัม
2. ผงวุ้น AA 2 ช้อนชา
3. น้ำตาลทราย 100 กรัม
4. วิปปิ้งครีม (นอนแดรี่ ครีมเมอร์) 200 กรัม

วิธีทำ

1. ผสมผงวุ้นกับน้ำตาลทรายคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
2. ต้มน้ำสะอาดด้วยไฟกลางจนเดือด ใส่วุ้นที่ผสมกับน้ำตาล คนจนเดือด แล้วใส่วิปปิ้งครีม คนจนเดือดอีกรอบ ปิดไฟ ยกลงจากเตา
3. คนลดอุณหภูมิให้อุ่น แล้วเทใส่ประมาณครึ่งของภาชนะ แช่ตู้เย็นครึ่งชั่วโมง

ตัววุ้นใส

1. น้ำสะอาด 750 กรัม
2. น้ำเชื่อมผลไม้ 400 กรัม
3. น้ำตาลทราย 100 กรัม
4. ผงวุ้น 2 ช้อนชา

วิธีทำ

1. ผสมผงวุ้นกับน้ำตาลทราย คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
2. ต้มน้ำสะอาดกับน้ำเชื่อมผลไม้ จนเดือดด้วยไฟกลาง
3. เติมผงวุ้นที่ผสมกับน้ำตาลทราย คนจนละลายและเดือด แล้วยกลงมาคนลดอุณหภูมิจนอุ่น
4. หยอดส่วนผสมของวุ้นต่อจากเต้าฮวย ประมาณกึ่งหนึ่ง พอวุ้นตึงตัว จึงตักฟรุตสลัดหรือผลไม้เชื่อมลงไปตามชอบ แล้วตักวุ้นใส่จนเต็มภาชนะ นำไปแช่ตู้เย็น จนเต้าฮวยเซ็ทตัว รับประทานได้เลย

หมายเหตุ

1. ถ้าใช้ผลไม้กระป๋อง น้ำเชื่อมก็ใช้น้ำเชื่อมที่มากับผลไม้ เมื่อชั่งแล้วไม่ถึง 400 กรัม เติมน้ำเพิ่มได้เลยจนครบ
2. ถ้าจะทำฟรุตสลัดเอง มีอัตราการทำน้ำเชื่อม ดังนี้.....
- น้ำเชื่อม = น้ำ 600 กรัม + น้ำตาลทราย 300 กรัม ต้มจนเดือดทิ้งให้เย็น หั่นผลไม้ตามชอบ เช่น สับปะรด แอปเปิ้ล องุ่น สตรอว์เบอร์รี แคนตาลูป เป็นต้น แช่น้ำเชื่อมที่เย็นประมาณ 3 ชั่วโมง

สูตรวิธีทำปาท่องโก๋

ปาท่องโก๋  (สูตรคุณรัชกฤช)

ส่วนผสมปาท่องโก๋  (สูตรคุณรัชกฤช)

1. แป้งอเนกประสงค์ 250 กรัม
2. น้ำสะอาด 175 กรัม
3. เกลือ 1 ช้อนชา
4. น้ำตาลทราย 1 ½ ช้อนชา
5. เบคกิ้งโซดา ¼ ช้อนชา
6. แอมโมเนีย (สำหรับทำปาท่องโก๋) 1 ช้อนชา
7. น้ำมันพืช 1 ½ ช้อนชา

วิธีทำปาท่องโก๋  (สูตรคุณรัชกฤช)

1. ละลายน้ำตาลทราย เกลือ เบคกิ้งโซดา แอมโมเนีย และน้ำมันพืชในน้ำสะอาด
2. เทแป้งลงไปในส่วนผสมที่เป็นของเหลว ใช้พายยางคนจนแป้งเข้ากันไม่เป็นเม็ด ใช้ถุงมือช่วยนวดผสมจนแป้งเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วพักก้อนแป้งในอ่างที่ทาน้ำมัน และใช้น้ำมันมาทาหน้าของก้อนแป้ง ใช้พลาสติกคลุมประมาณ 20 นาที
3. ใช้มือนวดขยับก้อนแป้งให้แป้งเนียนขึ้นประมาณ 1 นาที ใช้พลาสติกคลุมต่ออีก 4-8 ชั่วโมง (ห้ามเกิน 8 ชั่วโมง)

(หมายความว่าการหมักอย่างต่ำ คือ 4 ชั่วโมง ส่วนชั่วโมงที่ 5 – 8 ช่วงนี้ เราต้องทอดให้หมด เพื่อเป็นการกำหนดเวลาสำหรับคนที่ยึดเป็นอาชีพ สมมุติว่าเราจะทอดขายตอนตี 5 เราสามารถหมักแป้งตั้งแต่ 23.00 น. แสดงว่าเราหมักแป้งแล้ว 6 ชั่วโมง ส่วนชั่วโมงที่ 7 และ 8 เป็นช่วงที่เราทอด)

4. เตรียมน้ำมันปาล์มสำหรับทอด
5. โรยแป้งนวลบนโต๊ะให้ทั่ว วางแป้งที่พักได้ที่แล้วลงบนโต๊ะ แบ่งก้อนแป้งเป็นชิ้นยาวๆ แล้วใช้มือทั้ง 2 ข้าง ค่อยๆยืดแป้งจากจุดกึ่งกลาง ขยายออกไปด้านข้างตามขนาดที่ต้องการ หลังจากนั้นตัดออกเป็นชิ้น
6. แตะน้ำบนกึ่งกลางแป้งชิ้นหนึ่ง แล้ววางแป้งอีกชิ้นหนึ่งซ้อนทับกดตรงกลางเบาๆ แล้วยืดตามความยาว หย่อนลงในน้ำมันพืชร้อน ทอดจนเหลืองทองเป็นอันเสร็จ

คำแนะนำ

1. การเคล้าแป้งไม่ต้องนวดให้เนียน
2. ทุกครั้งที่พักแป้งต้องใช้น้ำมันทาผิวหน้าแป้งโดกันแห้ง
3. ไฟที่ทอดต้องเป็นไฟกลาง ถ้าไฟแรงขนมจะขึ้นสีเร็วทำให้ไม่สวย ขนมไม่กรอบ ถ้าไฟอ่อนจะอมน้ำมัน วิธีสังเกตน้ำมันได้ที่ คือ เมื่อหย่อนขนมลงทอด ขนมจะฟูขึ้นทันที

บัตเตอร์ครีม (สูตรของคุณแหม่ม เทียร่า)

บัตเตอร์ครีม (สูตรของคุณแหม่ม เทียร่า)

ส่วนผสมบัตเตอร์ครีม (สูตรของคุณแหม่ม เทียร่า)

1. เนยสดรสจืด 225 กรัม
2. เนยขาว 150 กรัม
3. น้ำตาลทราย 330 กรัม
4. เกลือ 10 กรัม
5. นมข้นจืด 75 กรัม
6. น้ำ 90 กรัม
7. กลิ่นวานิลลาบัตเตอร์ 1-2 ช้อนชา

วิธีทำบัตเตอร์ครีม (สูตรของคุณแหม่ม เทียร่า)

1. เทน้ำตาลทราย เกลือ นมข้นจืด และน้ำผสมกันในหม้อสแตนเลส นำไปตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวด้วยไม้พายอย่าหยุดมือ จนกว่าน้ำตาลจะละลายหมด แค่ละลายหมดแล้วพอเลย ห้ามให้เดือดนะคะ
2. เมื่อน้ำตาลละลายหมดแล้วตั้งทิ้งไว้ให้เย็นข้างนอก ห้ามใส่ตู้เย็นค่ะ
3. ตีเนยสดรสจืดที่ทิ้งไว้อุณหภูมิห้องจนอ่อนตัวปานกลางด้วยเครื่องตี ตีจนเนยสดกระจายตัว อย่าให้จับกันเป็นก้อน เอาพายยางปาดโถบ่อยๆ
4. หลังจากกระจายตัวและขึ้นฟูพอควรแล้ว ก็เอาเนยขาวใส่ลงไปเลย (ใครห่วงสุขภาพให้ใช้ชอร์ตเทนนิ่งแบบน้ำมันรำข้าวของคิงส์ หรือคริสโก้ได้ค่ะ) ตีด้วยความเร็วสูง ขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาในการตีนานหน่อย ดูจนกระทั่งส่วนผสมกลายเป็นสีขาว ขึ้นฟู และเข้ากันดี เราใช้วิธีสังเกตว่าเนยจะขึ้นฟู โดยดูที่ขอบอ่าง เนยจะฟูขึ้นมาเป็นรูปก้นหอยเล็กๆ ตีไปปาดอ่างไปด้วยนะคะ
5. เมื่อเห็นว่าใช้ได้แล้ว ก็นำน้ำเชื่อมที่เราละลายไว้มาเทลงในส่วนผสม โดยไม่หยุดเครื่องตี ยังคงตีไปเรื่อยๆ เวลาเทให้เทช้าที่สุด แบบเป็นสายเล็กๆต่อเนื่องกัน
6. ตีต่อไปอีกระยะหนึ่ง อาจปาดอ่างช่วยอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเข้ากันดีแล้วก็ให้ลดสปีดต่ำลงมากๆ ตีต่อ 2 นาทีให้เนื้อครีมเนียน ตัดฟองอากาศ เวลาเอาไปปาด ไปบีบจะเรียบกริ๊บเลย

วิธีเก็บรักษาครีมที่ตีไว้แล้วถ้าใช้ไม่หมด ให้เก็บในตู้เย็นได้ถึง 7 วัน ใช้ภาชนะปิดสนิท เวลาจะใช้ต้องตั้งไว้ให้ละลายในอุณหภูมิห้อง เอาออกมาตีซ้ำอีกครั้งได้ค่ะ

วันอังคารที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2560

ชีสเค้กมะม่วง

ชีสเค้กมะม่วง (สูตรคุณบ่งบ๊ง)

ส่วนผสมและวิธีทำชีสเค้กมะม่วง

ส่วนผสมฐานแครกเกอร์ (ครัช)

1. แครกเกอร์บดละเอียด 200 กรัม (หรือคุกกี้บดละเอียด)
2. เนยสดจืด 150 กรัม

วิธีทำฐานแครกเกอร์ (ครัช)

1. เตรียมพิมพ์ถอดข้าง ปูกระดาษไขลองก้นพิมพ์และรอบพิมพ์ พักไว้
2. นำเนยละลายผสมใส่ในแครกเกอร์บดละเอียด กรุลงในพิมพ์ กดให้แน่นๆ แล้วนำไปเข้าช่องแข็ง เพื่อรอให้ฐานแครกเกอร์เซทตัว (หรือทำใส่ถ้วยพลาสติกใสรูปทรงต่างๆตามชอบ)

ส่วนผสมครีมชีส

1. ครีมชีส 500 กรัม (หรือประมาณ 2 ก้อน)
2. น้ำตาลทรายละเอียด 150 กรัม (ถ้ามะม่วงหวานลดน้ำตาลลงได้)
3. วิปปิ้งครีม 100 กรัม
4. มะม่วงสุก 2-3 ผล (หรือมากน้อยตามชอบ)
5. น้ำมะนาวเลมอน 2 ช้อนชา
6. ผงเจลลาติน 1/2 ออนซ์ (ละลายในน้ำเย็น 2 ออนซ์) ถ้าใช้เจลลาตินชนิดแผ่น ประมาณ 5 แผ่น

วิธีทำครีมชีส

1. ล้างมะม่วงให้สะอาด ปอกเปลือกให้หมด หั่นมะม่วงสุกให้เป็นชิ้นขนาดลูกเต๋า (ถ้ากลัวว่ามะม่วงจะหมองคล้ำให้นำมีดที่ปอกไปจุ่มในน้ำเชื่อมก่อน แล้วนำมาปอก)
2. ระหว่างนี้นำเจลลาตินชนิดผง 1/2 ออนซ์ ละลายในน้ำเย็น 2 ออนซ์ ต้องปล่อยให้เจลลาตินอิ่มน้ำเต็มที่ก่อน จึงนำมาอุ่นให้ร้อนแล้วจึงนำมาใช้งาน
3. นำครีมชีสวางในอุณหภูมิห้องให้นิ่มๆ ตีครีมชีสให้ขึ้นฟู
4. เมื่อครีมชีสฟูได้ที่แล้ว ทยอยใส่น้ำตาลลงไป ตีให้เข้ากันจนเนียน
5. บีบน้ำมะนาว ตีผสมให้เข้ากัน ชิมรสก่อน ชอบรสใดใส่เพิ่มไป
6. ใส่วิปปิ้งครีม คนผสมให้เข้ากัน
7. สุดท้ายใส่เจลลาตินละลายลงไป คนผสมให้เข้ากันดี
8. ได้ครีมชีสแล้วแบ่งเนื้อมะม่วงบางส่วนใส่ลงไป คนผสมให้เข้ากันให้เนื้อมะม่วงกระจายไปทั่ว เทลงฐานแครกเกอร์ที่แช่เย็นไว้ ใช้ไม้พายเกลี่ยหน้าให้เข้ากัน
9. นำเนื้อมะม่วงอีกส่วนใส่ปิดหน้าครีมชีสอีกที แล้วใช้ส้อมเกลี่ยๆเนื้อมะม่วงให้กระจายทั่ว (ถ้าไม่ชอบเนื้อมะม่วงมากเกินไปก็ตัดส่วนโรยหน้าออกไปก็ได้)
10. เสร็จแล้วปิดคลุมพิมพ์ด้วยพลาสติกใส แล้วนำแช่เย็นนอนรอไว้ก่อน

ส่วนผสมหน้ามูสมะม่วง

1. มะม่วงสุกหั่น 200 กรัม
2. น้ำตาลทราย 120 กรัม (มะม่วงหวานมากลดน้ำตาลลงได้)
3. น้ำเปล่า 100 กรัม
4. เจลลาตินชนิดผง 4 ช้อนชา
5. วิปปิ้งครีม 100 กรัม
6. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 100 กรัม
7. น้ำมะนาว 1-2 ช้อนชา

หมายเหตุ : อีกสูตรหนึ่งคือตัดส่วนวิปปิ้งครีมออก ใส่แต่โยเกิร์ตอย่างเดียว หรือจะไม่ใส่ทั้งวิปปิ้งครีมและโยเกิร์ต เพื่อให้ได้กลิ่นหอมของมะม่วงชัดเจนก็ได้

วิธีทำมูสมะม่วง

1. นำน้ำเปล่าใส่ในหม้อ ยกตั้งไฟ ใส่น้ำตาลทรายลงไป พอน้ำตาลละลายหมดและเดือดเล็กน้อย ปิดไฟเตาได้
2. ใส่เนื้อมะม่วงลงไปเคี่ยว (ไม่ต้องเคี่ยวนานจนเนื้อมะม่วงสุกงอมเกิน)
3. ใส่เจลลาตินที่ละลายแล้วลงไปคนๆผสมให้เข้ากันดีและเนียน ดับไฟเตาทันที อย่าใช้เวลาเคี่ยวมะม่วงนาน เพราะจะมีกลิ่นเหม็นโอ่ พักไว้ให้เย็น
4. เมื่อมูสมะม่วงเย็นตัวแล้วใส่วิปปิ้งครีม 100 กรัมลงไป ใส่โยเกิร์ตอีก 100 กรัม คนผสมให้เข้ากันดีจนเนียน อาจมีฟองอากาศบ้าง ค่อยๆกำจัดออกหน้าขนมจะได้สวยงาม
5. เมื่อได้หน้ามูสมะม่วงแล้ว ให้นำตัวครีมชีสมะม่วงที่แช่เย็นไว้ออกมา เทหน้ามูสมะม่วงราดลงไปให้ทั่ว ให้ปิดทับตัวครีมชีสให้มิดนะคะ เสร็จแล้วปิดคลุมด้วยแผ่นพลาสติกใส แช่ต่อในตู้เย็นให้เซทตัวอีกประมาณ 4-6 ชั่วโมง หรือปล่อยทิ้งค้างคืนไว้ก็ได้
6. เมื่อขนมเซทตัวแล้ว ก็มาถึงขึ้นตอนเอาชีสเค้กมะม่วงออกจากพิมพ์ ก่อนเอาพิมพ์ออกควรเอามีดปลายแหลมๆ กรีดรอบๆพิมพ์ก่อน แล้วค่อยๆดึงพิมพ์ออก เราก็จะได้ชีสเค้กมะม่วงพร้อมทานแล้วค่ะ

สำหรับใครที่ไม่ชอบมะม่วงสุก สามารถเปลี่ยนเป็นผลไม้อื่นๆ แทนได้ เช่น สตรอเบอรี่ กีวี่สด หรือ มะยงชิตก็ได้ ซึ่งวิธีการทำก็แบบเดียวกันเลยค่ะ

ดับเบิ้ลฟอมาจชีสเค้ก (Double Fromage Cheesecake) (ชีสเค้กแบบร้านดัง LeTAO)

ดับเบิ้ลฟอมาจชีสเค้ก (Double Fromage Cheesecake) (ชีสเค้ก LeTAO) ชีสเค้กรสนุ่มละมุนลิ้นมากๆ เจ้าชีสเค้กตัวนี้ที่เค้าฮิตๆกันเนี่ยจะเป็นของร้านดัง LeTAO แต่คราวนี้เราจะมาทำทานเอง

ชีสเค้กก้อนนี้จะประกอบไปด้วย
- Sponge Cake
- baked cheesecake batter
- no-bake cheesecake batter




*** Batter (แบทเทอร์) หมายถึง ของเหลวข้น ที่มีส่วนผสมหลักคือ แป้งสาลี น้ำนม และไข่ ใช้ในการทำขนมเค้ก ***

เรามาดูนะคะแต่ละส่วนมีวิธีการทำยังไง ก่อนอื่นเรามาเริ่มต้นด้วยการทำ Sponge Cake ก่อนเลยนะคะ แล้วขั้นตอนอื่นๆจะตามมา

ส่วนผสมสปันจ์เค้ก (สำหรับพิมพ์กลม 18 cm)

1. ไข่ฟองใหญ่ 3 ฟอง
2. น้ำตาล 120 กรัม
3. แป้งเค้ก 105 กรัม
4. เนยจืด 15 กรัม
5. น้ำมัน 15 กรัม
6. นม 38 กรัม
7. วานิลลาผง 1 ช้อนชา

วิธีทำสปันจ์เค้ก
 
1. ทาเนยบางๆในพิมพ์แล้วปูกระดาษรองอบให้ทั่วพิมพ์
2. อุ่นเตาอบ 180 องศาเซลเซียส
3. ร่อนแป้งเค้ก พักไว้
4. ละลายเนยจืดกับนม แล้วผสมน้ำมันลงไป พักไว้
5. ตีไข่กับน้ำตาลโดยวิธี bain marie นั้นคือเราจะตีไข่บนน้ำร้อนให้พอแตะๆแล้วไข่อุ่นขึ้นแล้วยกออกมาตีต่อจนฟู สามารถเห็นรอยตระกร้อชัดเจน
6. ร่อนแป้งลงไปผสมในส่วนของไข่ 3 รอบ ค่อยๆคนเบาๆมือจนหมดแป้ง
7. แบ่งแบทเทอร์บางส่วนมาผสมกับส่วนของเนยและน้ำมัน จากนั้นเทกลับลงไป คนให้เข้ากันแบบเบามือ
8. เทแบทเทอร์ใส่ลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ นำเข้าเตาอบจนสุก ราวๆ 20 นาที
9. เมื่อเค้กเย็นตัวลงก็ทำการสไลด์เค้กบางๆ 1 ชิ้น หนาประมาณ 1.2 เซนติเมตร แล้วที่เหลือก็เอาไปปั่นให้ฟู พักไว้ใช้ในขั้นตอนต่อไป

ส่วนผสม Baked Cheesecake Batter

1. ครีมชีส 200 กรัม
2. ไข่ 1 ฟอง
3. น้ำตาล 65 กรัม
4. แป้งเค้ก 1 ช้อนโต๊ะ (หรือ 9 กรัม)
5. Heavy cream 150 ml

วิธีทำ Baked Cheesecake Batter

1. อุ่นเตาอบ 160 องศาเซลเซียส
2. เตรียมพิมพ์แบบถอดก้นได้ กรุกระดาษรองอบให้รอบด้าน วางแผ่นเค้กที่สไลด์เพื่อเป็นฐานชีสเค้กลงไป
3. ตัวพิมพ์จะต้องคลุมด้วยอลูมิเนียมฟอยด์ให้มิดชิด เพื่อกันไม่ให้น้ำซึมเข้าในตัวขนม
4. ผสมส่วนผสมทุกอย่างข้างต้นให้เข้ากัน แล้วเทลงบนสปันจ์เค้กที่เตรียมไว้
5. นำเข้าอบแบบรองน้ำ เพื่อกันไม่ให้หน้าขนมแตก นาน 40 นาทีโดยประมาณ
6. พักให้เย็นสนิทก่อนนำมาทำขั้นตอนต่อไป เป็นการทำชีสเค้กแบบไม่อบ

ส่วนผสม No-bake Cheesecake Batter

1. น้ำร้อน 2 ช้อนโต๊ะ
2. Mascarpone cheese (มาสคาร์โปน) 200 กรัม
3. ไข่แดง 2 ฟอง
4. น้ำตาล 60 กรัม
5. Heavy cream 200 กรัม
6. เจลาติน 2.5 แผ่น

วิธีทำ No-bake Cheesecake Batter

1. บลูมเจลาตินในน้ำเย็นจัดจนนิ่ม แล้วนำไปละลายในน้ำร้อน พักไว้
2. ผสมชีส ไข่แดง น้ำตาล ให้เข้ากันจนเนียน ด้วยวิธี bain Marie นั้นคือเราจะตีไข่บนน้ำร้อนให้พอแตะๆแล้วไข่อุ่นขึ้นแล้วยกออก กรองผ่านกระชอนตาถี่ๆ เพื่อจะได้ครีมที่มีเนื้อละเอียด
3. ผสมเจลาตินที่ละลายไว้ในส่วนของครีมชีสให้เนียนเข้ากัน
4. ตีครีม Heavy cream จนตั้งยอดอ่อน นำไปโฟลด์กับส่วนของครีมชีสให้เข้ากัน แบ่งเก็บแช่ไว้ในตู้เย็นประมาณ 60 กรัม สำหรับเอาไว้ปาดเค้ก
5. จากนั้นส่วนที่ไม่ได้แช่ให้เราเทลงบนส่วนของชีสเค้กที่อบไว้ พักในตู้เย็นให้เซตตัว
6. เมื่อทำครบทุกขั้นตอนแล้ว เราก็จะเอาตัวเค้กที่เซตตัวแล้วมาปาดครีมที่เราเก็บไว้ให้ทั่วทั้งเค้ก
7. โรยด้วยเนื้อสปันจ์เค้กที่ปั่นเตรียมไว้ให้ทั่วทั้งเค้ก เป็นอันเรียบร้อยค่ะ

สตอเบอรี่ช็อตเค้ก

สตอเบอรี่ช็อตเค้ก

ส่วนผสมสตอเบอรี่ช็อตเค้ก

1. แป้งเค้ก 100 กรัม
2. น้ำตาลทราย 75 กรัม
3. ไข่ไก่ 130 กรัม
4. เนยละลาย 100 กรัม
5. ครีมสด (99%) พวก Crème fraîche, cream fresh 50 กรัม (ไม่มีใช้นมสดไขมันเต็มแทนได้)
6. แต่งกลิ่นได้ตามชอบ

วิธีทำสตอเบอรี่ช็อตเค้ก

1. ตีไข่ไก่ แป้งเค้ก น้ำตาลทราย นม ด้วยสปีดสูงให้เข้ากันจนแป้งหายเป็นเม็ด แล้วใส่เนยละลายลงไปตีให้เข้ากัน (ถ้าเครื่องใหญ่ต้องใช้ 3 สูตรนะถึงจะตีได้ น้อยๆมันตีไม่ค่อยขึ้น เลยใช้เครื่องเล็กตีเอาให้ได้แป้งเนื้อเนียนหนืดๆ
2. รองกระดาษบนพิมพ์ให้เรียบร้อย ไม่ต้องทาเนยทา เทส่วนผสมที่ตีไว้แล้วลงไป
3. เทเสร็จไล่ฟองอากาศด้วยการใช้ไม้วนๆให้ทั่ว รอสักพักจะมีเม็ดๆโผล่ขึ้นมา กระแทกพิมพ์ 1 ครั้ง คนอีก รอสักพักกระแทกอีก นำอย่างนี้ซ้ำๆประมาณ 4-5 รอบ จนไม่มีฟองขึ้นมา ยกเข้าอบแบบอบไม่รองน้ำ ปกติจะใช้ไฟประมาณ 155 องศาเซลเซียส ไฟบนล่าง จนสุก
4. ระหว่างที่รอขนมอบอยู่ก็ไปกวนแยมสตอเบอรี่ กะปริมาณเอาตามชอบมากน้อยแค่ไหน คือทำไปชิมไปอยากได้รสไหน ใส่เนื้อสตอเบอรี่ลงไปในหม้อ ตามด้วยน้ำตาลทราย ต้มด้วยไฟอ่อน กรองเอาแต่เนื้อไว้ แล้วเอาน้ำที่ได้ ไปต้มต่อจนเหนียวค่อยใส่เนื้อลงไป หรี่ไฟลง จนข้นเป็นใช้ได้ (ถ้ากลัวไม่ข้น ไม่อยู่ตัว ให้ใส่เจลลาตินที่แช่น้ำแล้วลงไป 2 แผ่น)
5. เมื่อเค้กเนื้อสปันจ์สุกได้ที่แล้ว ใช้เชือกขึงให้ตึง เฉือนเนื้อให้เสมอกันจะได้ 2 ชิ้น ค่อยทาด้วยครีมชีสที่ตีผสมจนได้ที่ (ครีมสด+น้ำตาล) ชิมรสให้ได้ตามชอบ
6. หลังจากโป๊ะครีมชีสปิดหน้าเรียบร้อย ก็เทแยมสตอเบอรี่ลงไป แนะนำให้วางรองก้นถาดด้วยแร๊ฟหุ้มอาหารไว้ด้วยเผื่อตอนเอาออก เฉือนข้างทิ้งอย่างละนิดหน่อยเพื่อให้ไม่แน่นจนเกินไป
7. จากนั้นก็นำเข้าตู้เย็นทิ้งไว้ให้เย็นจัดข้ามคืน หรือแค่ให้เซ็ตตัวก็เอามาตัดได้เลย

ชีสเค้ก (สูตรประยุกต์ ลดต้นทุน)

ชีสเค้ก (สูตรประยุกต์ ลดต้นทุน) รสชาติหวานน้อย จะออกแนวเบาๆ ไม่หนักแน่นมาก เหมาะสำหรับคนรู้สึกผิด เวลาทานชีสเค้ก แต่ชีสเต็มคำแน่นอนค่ะ ขนาดที่ทำออกมาจะได้ประมาณ 2 ปอนด์ค่ะ

ส่วนผสมและวิธีทำชีสเค้ก (สูตรประยุกต์ ลดต้นทุน)

ส่วนผสมตัวฐาน (ตัวครัช)

1. แครกเกอร์ 115 กรัม
2. เนยละลาย 50 กรัม
3. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

วิธีทำตัวฐาน (ตัวครัช)

1. บดแครกเกอร์ให้ละเอียด อาจใส่ถุงซิปปิดปากถุง แล้วใช้ของแข็งทุบให้ละเอียด ส่วนตัวใช้สากทุบค่ะ
2. ใส่น้ำตาลลงไปในแครกเกอร์บด
3. นำเนยละลายผสมให้ทั่วๆแครกเกอร์ ผสมให้เข้ากัน นำมากรุใส่พิมพ์ (พิมพ์แบบเล็กใหญ่ ได้หมดเลยนะคะ)

ส่วนผสมตัวครีมชีส

1. ครีมชีส 160 กรัม (ส่วนตัวใช้ฟิลาเดเฟียค่ะ)
2. น้ำตาลป่น 80 กรัม (หรือ น้ำตาลไอซิ่ง)
3. กรีกโยเกิร์ต (Greek Yogurt) 130 กรัม (ถ้าหาไม่ได้ให้ใช้บัลกาเรียแทนได้ค่ะ)
4. นมข้นจืด 125 กรัม (แต่ถ้าใครชอบชีสเค้กหนักแน่น เข้มข้น มันๆ ให้ใช้ วิปครีมเดลี่ 130 มิลลิลิตร ไปเลยค่ะ)
5. ไข่ไก่ 2 ฟอง
6. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 4 ช้อนชา
7. น้ำมะนาว1-2 ช้อนชา
8. วานิลลา 1 ช้อนชา

วิธีทำตัวครีมชีส

1. นำครีมชีสอุณหภูมิห้อง มาตีให้เข้ากันกับน้ำตาลทรายป่น ให้ฟูเล็กน้อยค่ะ
2. ใส่กรีกโยเกิร์ตลงไปผสมให้เข้ากัน
3. ใส่นมข้นจืด (หรือวิปครีมเดลี่) ลงไป คนให้เข้ากัน
4. นำไข่ไก่ผสมกับแป้งสาลีอเนกประสงค์ ตีให้เข้ากันก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งเป็นเม็ด
5. เทไข่ไก่ที่ผสมแป้งแล้วลงไปในครีมชีสที่ผสมไว้ คนให้เข้ากัน
6. เติมน้ำมะนาวและกลิ่นวานิลลา คนให้เข้ากัน
7. เทครีมชีสลงครัชที่เตรียมไว้ นำเข้าอบไฟบน-ล่าง ไม่ต้องเปิดพัดลม ไม่ต้องรองน้ำนะคะ อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เวลา 60 นาทีค่ะ

** หลังจากอบครบ 60 นาทีแล้วนะคะ ห้าม!!เปิดเตาเด็ดขาดค่ะ ทิ้งไว้ในเตาอีกประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
หน้าชีสเค้กจะยุบตัวลงมาเล็กน้อยค่ะ อย่าตกใจค่ะ เป็นเรื่องปกตินะคะ **

8. หลังจากชีสเค้กเย็นตัว และหน้ายุบแล้ว ก็ยกออกมาแช่เย็นไว้อย่างน้อย 4-5 ชั่วโมงค่ะ ก่อนตัดเสิร์ฟ ทานกับผลไม้สดหรือพวกสตรอเบอรี่ บลูเบอรี่กระป๋องก็ได้ค่ะ

เค้กช็อกโกแลต Texas Sheet Cake (สูตรคุณปูนนี่ Poonie)

เค้กช็อกโกแลต Texas Sheet Cake (สูตรคุณปูนนี่ Poonie)

ส่วนผสมและวิธีทำเค้กช็อกโกแลต Texas Sheet Cake (สูตรคุณปูน Poonie)

ส่วนผสมตัวเค้ก

1. เนย 115 กรัม
2. น้ำ 120
3. ผงโกโก้ 15 กรัม
4. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 125 กรัม
5. น้ำตาลทราย 100 กรัม
6. เกลือ 1/2 ช้อนชา
7. เบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
8. ไข่ไก่ 1 ฟอง
9. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 55 กรัม

วิธีทำตัวเค้ก

1. วอร์มเตา 170 องศาเซลเซียส เตรียมถาดขนาด 8*8 / 9*9 นิ้ว ทาเนยปูกระดาษไขให้เรียบร้อย
2. นำเนย น้ำ และผงโกโก้ ผสมรวมกัน ใส่หม้อต้มด้วยไฟอ่อน จนละลาย คนตลอดเวลาจนเข้ากันดี ยกลง รอให้เย็น
3. ผสมแป้ง เบคกิ้งโซดา เกลือ และน้ำตาลเข้าด้วยกัน พักไว้
4. ตีผสมไข่ไก่และโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ให้เข้ากัน
5. นำส่วนของแห้งมาตีผสมกับส่วนของไข่จนเข้ากันดี แล้วนำมาตะล่อมกับส่วนของโกโก้
6. เทใส่ถาด นำเข้าอบ 18-20 นาที หรือจนสุก เช็คสุกโดยกดตรงกลาง แล้วเนื้อเค้กเด้งกลับ

ส่วนผสมช็อกโกแลตฟรอสติ้ง

1. นมสด 30 กรัม
2. เนย 60 กรัม
3. น้ำตาลป่น 80 กรัม
4. ผงโกโก้ 15 กรัม
5. วนิลา 1 ช้อนชา

วิธีทำช็อกโกแลตฟรอสติ้ง

1. นำเนยและนมไปตั้งไฟ ให้ขอบเริ่มปุดๆ ยกลง
2. เทส่วนผสมที่เหลือลงไปคนผสมให้เข้ากัน แล้วนำไปราดบนเค้กขณะที่เค้กยังอุ่นๆ
3. โรยถั่วและท๊อปปิ้งตามชอบ

วุ้นกะทิมะม่วง

วุ้นกะทิมะม่วง เมนูคลายร้อน ชื่นใจ หอมมะม่วง

ส่วนผสมวุ้นกะทิมะม่วง

1. ผงวุ้น 2 ช้อนชา
2. กะทิกล่องอร่อยดี 250 ml. 1 กล่อง
3. น้ำตาลทราย 55 กรัม
4. เกลือป่น 4 กรัม
5. น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
6. มะม่วงน้ำดอกไม้ 2 ลูก (หั่นเต๋าตกแต่งและใส่ในตัววุ้นกะทิ)
7. ใบเตย 3-6 ใบ (หั่นเป็นท่อนประมาณ 3 นิ้ว)

วิํธีทำวุ้นกะทิมะม่วง

1. แช่ผงวุ้นในน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง ประมาณ 15 นาที ช่วงที่รอผงวุ้นก็มาหั่นมะม่วงใส่ลงในพิมพ์หรือถ้วยที่จะใส่ และให้เหลือมะม่วงไว้ตกแต่งหน้าพอประมาณ
2. เมื่อครบเวลา นำน้ำเปล่าอีก 1 ถ้วยตวง ขึ้นตั้งไฟ ใส่ใบเตยหั่น 3-6 ใบ พอน้ำเดือด นำวุ้นที่แช่ไว้เทลงในหม้อ คนให้เข้ากันไปเรื่อยๆ ใช้ไฟกลางต้มวุ้น คนตลอดให้วุ้นสุกและไม่เป็นเม็ดทรายติดทัพพี รอ 2-3 นาที ค่อยใส่น้ำตาลลงไป
3. คนต่อไปให้เดือดอีก 5 นาที เติมกะทิลงไป คนให้เข้ากัน พอให้กะทิร้อนแต่ไม่ต้องเดือด ปิดไฟยกลง ระหว่างนี้ให้คนกะทิไล่ความร้อน
4. รอพออุ่นๆ เทใส่พิมพ์ที่เราใส่มะม่วงไว้ให้ท่วม พอวุ้นตึงๆตักมะม่วงใส่หน้าวุ้นกะทิ รอเซ็ตตัวดีแล้ว 15-30 นาที ค่อยนำไปแช่ตู้เย็น

วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2560

สปันจ์เค้ก Sponge Cake (ไม่ใส่สารเสริม)

สปันจ์เค้ก Sponge Cake (ไม่ใส่สารเสริม)

ส่วนผสมสปันจ์เค้ก Sponge Cake (ไม่ใส่สารเสริม)

1. แป้งเค้ก 100 กรัม
2. น้ำตาล 100 กรัม (อยากลดก็ลดเหลือ 70 กรัม)
3. เนย 100 กรัม (ละลายให้เป็นน้ำมันเหลืองๆพักไว้)
4. ไข่ไก่ ทั้งฟอง 200 กรัม
5. นมข้นจืด 70 กรัม
6. เกลือ 3 หยิบมือ
7. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ
8. ผงฟู 1 ช้อนชา

วิธีทำสปันจ์เค้ก Sponge Cake (ไม่ใส่สารเสริม)

1. วอร์มเตาที่ 175 องศาเซลเซียส ไฟบนล่าง
2. เทไข่ๆก่ใส่ลงไปในโถ เริ่มตีด้วยสปีด 1-2-3 ไปเรื่อยๆ จนแรงสุด ค่อยๆเติมน้ำตาลลงไป ฟองเริ่มขึ้นละ เทนมลงตามลงไปตีให้เข้ากัน แล้วเทแป้งลงไปตีไปเรื่อยๆนานประมาณ 10 นาทีได้ หรือสังเกตว่ามันเนียนเข้ากันเป็นริ้วตามรอยหัวตะกร้อก็พอ หยุดเครื่องปาดขอบอ่าง
3. เริ่มเปิดเครื่อง 1-2-3 ไปที่รองสปีดเร็วสุด รินเนยละลายค่อยๆเทลงไป แล้วให้เครื่องตีให้เข้ากันแล้วค่อยเทตามไปอีก ถ้าเริ่มรินเนยละลายจนมีตะกอนขาวๆปน ให้หยุดเทเนยได้ ไม่ต้องเสียดาย ตีให้เข้ากันดี หยุดเครื่องปาดขอบ ใช้พายควานไปที่ก้นอ่างว่ามีเนยหลงเหลืออีกไหม มีก็ตีต่อให้เข้ากัน ถ้าไม่เข้าถอดหัวตะกร้อมาคว้านๆเองเลย
4. รินใส่พิมพ์ ยกเข้าอบจนสุก (ขนาดพิมพ์ใหญ่แค่ไหน เทหนาแค่ไหนให้คำนวนเวลาเองว่าอบนานแค่ไหน เพราะเตาอบแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน) หรือใช้ไม้จิ้มดูเนื้อเค้กเช็คดูมาสุกหรือยัง

วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2560

ถั่วกวน (สำหรับไส้ขนมเปี๊ยะ ไส้ขนมปัง ลูกชุบ เม็ดขนุน ฯลฯ)

ถั่วกวน เนื้อเนียนสูตรคุณ Sky (สำหรับไส้ขนมเปี๊ยะ ไส้ขนมปัง ลูกชุบ เม็ดขนุน ฯลฯ)
ส่วนผสมถั่วกวน (สำหรับไส้ขนมเปี๊ยะ ไส้ขนมปัง ลูกชุบ เม็ดขนุน ฯลฯ)

1. ถั่วเขียวซีกเลาะเปลือก 250 กรัม
2. น้ำตาลทราย 80-100 กรัม (เพิ่มลดได้ตามชอบ)
3. น้ำเปล่า หรือกะทิ ประมาณ 1 ลิตร (เพิ่มลดเอาได้ตอนปั่นถั่ว เพื่อไม่ให้ฝืดจนเกินไป เอาปั่นสะดวก แต่ก็แลกกับการกวนที่นานขึ้นถ้าน้ำเยอะ)
4. เกลือ 2 กรัม
5. น้ำมันรำข้าว 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำถั่วกวน (สำหรับไส้ขนมเปี๊ยะ ไส้ขนมปัง ลูกชุบ เม็ดขนุน ฯลฯ)

1. ล้างถั่วให้สะอาดจนน้ำใส แล้วแช่ไว้ประมาณ 4 ชั่วโมง
2. นำถั่วที่แช่น้ำไว้นึ่งให้สุก สังเกตุจากเนื้อถั่วที่นึ่งจะฟูปริแตก
3. ใส่ถั่วลงในโถปั่นน้ำผลไม้ เติมน้ำปั่นให้ละเอียด (หากใช้กะทิ ก็ใส่กะทิแทนน้ำ)
4. นำขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ คนเรื่อยๆ เพื่อกันการติดกระทะ (กระทะที่ใช้ใช้เทฟล่อนดีที่สุดไม่ติดกระทะ)
5. กวนจนน้ำงวดเกือบแห้ง ใส่น้ำตาลและเกลือลงไป ไม่ต้องรีบเร่ง ค่อยๆทำไป กวนไปเรื่อยๆ จนเกือบแห้ง
6. พอเริ่มแห้งและเนื้อเหนียวดีแล้ว เติมน้ำมันรำข้าวลงไป กวนต่อจนแห้งเป็นที่พอใจ ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาไปทำอะไร ไส้ขนม ปั้นลูกชุบ ก็กะความแห้งของถั่วกวนเอาเอง ปิดไฟเตา รอให้อุ่น แล้วเก็บใส่กล่อง

ไอศครีมกะทิ / ไอศครีมมะม่วง

ไอศครีมกะทิ / ไอศครีมมะม่วง

ส่วนผสมไอศครีมกะทิ 

1. วิปปิ้งครีม 200 กรัม
2. หัวกะทิ 200 กรัม
3. น้ำตาลทราย 100 กรัม
4. เกลือ 3 กรัม



ส่วนผสมไอศครีมมะม่วง

1. วิปปิ้งครีม 200 กรัม
2. มะม่วงสุก 200 กรัม
3. น้ำตาลทราย 60 กรัม
4. เกลือ 1 กรัม


วิธีทำไอศครีมกะทิ / ไอศครีมมะม่วง

ตีวิปปิ้งครีมให้ตั้งยอดพร้อมน้ำตาล ใส่หัวกะทิลงไปคนด้วยตะกร้อให้เข้ากัน นำไปแช่ฟรีซ ทุก 2 ชั่วโมงนำออกมาคนให้รอบๆที่เย็นไปอยู่ตรงกลาง ทำแบบนี้สัก 4 รอบ ก่อนแช่ยาวจนแข็ง นำมาขูดใส่ถ้วยตักกินได้เลย ส่วนไอศครีมมะม่วงก็ทำแบบเดียวกันค่ะ

สูตรมูสมะม่วง

สูตรมูสมะม่วง หน้าร้อนแบบนี้แช่เย็นทำเป็นไอติมก็ได้ค่า หรือจะทำขายก็ได้เลยค่ะ

ส่วนผสมมูสมะม่วง

1. มะม่วงสดประมาณ 2 ลูก หรือมะม่วงแช่แข็ง 300 กรัม
2. เนื้อมะม่วงอบแห้ง (ใส่ให้มีเนื้อหนึบๆเคี้ยว)
3. น้ำตาลทราย 80 กรัม (จะไม่ใส่ก็ได้ มะม่วงหวานอยู่แล้ว)
4. เจลาตินแช่น้ำ 1-2 แผ่น
5. วิปครีม 100 กรัม


วิธีทำมูสมะม่วง

1. ปั่นมะม่วงให้ละเอียด เทใส่หม้อตั้งไฟ
2. ใส่น้ำตาลคนพอละลาย
3. ยกลงจากเตา ใส่เจลาตินและคนให้ละลาย พักให้หายร้อน
4. ตีวิปปิ้งครีมจนขึ้นฟูตั้งยอดอ่อน ตะล่อมลงไปในส่วนผสมของมะม่วง นำใส่ภาชนะ
5. ใส่เนื้อมะม่วงอบแห้งลงไป และนำไปแช่ฟรีซจนแข็งตัว

เค้กนมหน้านิ่ม

เค้กนมหน้านิ่ม

ส่วนผสมเค้กนมหน้านิ่ม

1. แป้งเค้ก 90 กรัม
2. ผงฟู 1 ช้อนชา
3. เกลือ 1/4 ช้อนชา
4. น้ำตาล (ส่วนของไข่แดง) 45 กรัม
5. น้ำตาล (ส่วนของไข่ขาว) 45 กรัม
6. ไข่แดง 4 ฟอง
7. ไข่ขาว 4 ฟอง
8. นมข้นจืด 35 กรัม
9. น้ำมันพืช 35 กรัม
10. น้ำเปล่า 35 กรัม
11. น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
12. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

วิธีทำเค้กนมหน้านิ่ม

1. ร่อนแป้ง ผงฟู พักไว้
2. แยกไข่แดง ไข่ขาว พักไว้
3. ตีไข่แดง น้ำตาล และเกลือให้ขึ้นฟูเล็กน้อย
4. ใส่ส่วนผสมของของเหลวคนให้เข้ากัน
5. ใส่กลิ่นวานิลลา ใส่ส่วนผสมของแป้งและผงฟูลงไปตะล่อมให้เข้ากัน
6. ตีไข่ขาวให้ขึ้นฟูเล็กน้อย แล้วใส่น้ำมะนาว ทยอยใส่น้ำตาลจนหมด จากนั้นตีใข่ขาวให้ขึ้นฟูจนตั้งยอด
7. นำไข่ขาวแบ่งใส่ลงในส่วนผสมของไข่แดง ค่อยๆตะล่อมให้เข้ากัน จนไข่ขาวหมด (ขั้นตอนนี้ให้ควรระวังอย่าผสมเเรงจนเกินไป เพราะจะทำให้เนื้อเค้กยุบตัวได้)
8. ตักใส่พิมพ์ตามต้องการ ในที่นี้เราใส่ถ้วยฟอยด์
9. นำเข้าเตาอบที่วอร์มเตาอบไว้แล้วอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส 20 นาที ไฟบน-ล่าง เมื่ออบสุกแล้วนำมาพักไว้

หน้านมวานิลลา

ส่วนผสมหน้านมวานิลลา

1. นมข้นจืด (ส่วนที่ 1) 250 กรัม
2. น้ำเปล่า 150 กรัม
3. น้ำตาลทราย 100 กรัม
4. ผงวุ้น 1 ช้อนชา
5. นมข้นจืด (ส่วนที่ 2) 100 กรัม
6. แป้งข้าวโพด 40 กรัม
7. เนยเค็ม 100 กรัม

วิธีทำหน้านมวานิลลา

1. ใส่ผงวุ้น น้ำเปล่า น้ำตาลทราย นมข้นจืด (ส่วนที่ 1) ลงในชามผสม
2. ตั้งไฟคนส่วนผสมเรื่อยๆจนเริ่มเดือด ผสมนมข้นจืด (ส่วนที่ 2) กับแป้งข้าวโพดลงไป คนให้แป้งข้าวโพดละลายเข้ากัน เทลงในชามผสมที่เริ่มเดือด พร้อมคนให้เข้ากัน พยายามอย่าหยุดคน
3. เมื่อส่วนผสมเริ่มข้น เห็นเป็นรอยตะกร้อ ให้ยกลงจากเตา
4. ใส่เนยเค็มลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นนำไปราดลงบนเนื้อเค้ก
5. เมื่อราดหน้าแล้วพักไว้ประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง ก็นำมารับประทาน แช่เย็นก็อร่อยค่ะ

เจแปนนิสชิฟฟ่อนเค้ก (สูตรคุณเมย์)

เจแปนนิสชิฟฟ่อนเค้ก (สูตรคุณเมย์) ชิฟฟ่อนสูตรนี้ทานกับวิปครีม ซอสแยมต่างๆ หรือทานเปล่าๆก็อร่อย หรือใช้เนยมาปาดหน้าเลียนแบบของร้านดังก็อร่อยค่ะ

ส่วนผสมเจแปนนิสชิฟฟ่อนเค้ก (สูตรคุณเมย์)

1. แป้งเค้ก 75 กรัม
2. ผงฟู 1/2 ช้อนชา
3. ไข่แดง (เบอร์ 0) 5 ฟอง
4. นมสดรสจืด 50 กรัม
5. น้ำมันพืช 45 กรัม
6. วานิลลา 1 ช้อนชา
7. ไข่ขาว (เบอร์ 0) 5 ฟอง
8. น้ำตาลทรายเม็ดละเอียด 80 กรัม
9. ครีมออฟทาทาร์ 1/3 ช้อนชา หรือน้ำมะนาว1/3 ช้อนชา

วิธีทำเจแปนนิสชิฟฟ่อนเค้ก (สูตรคุณเมย์)

1. เตรียมพิมพ์ 8×12×2 รองกระดาษไข
2. วอร์มเตาอบ 170 องศาเซลเซียส
3. ร่อนแป้งกับผงฟู 3 รอบ พักไว้
4. แยกไข่ขาวและไข่แดง
5. นำไข่แดง นม น้ำมันพืช วานิลลาผสมให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือหรือพายยาง
6. เตรียมแป้งทำหลุมไว้ตรงกลาง เทส่วนผสมไข่แดงลงไป ผสมให้เข้ากันกับแป้งไม่ให้เป็นเม็ด แต่อย่าผสมหรือคนนานเดี๋ยวขนมจะเหนียวไม่นุ่มค่ะ พักไว้
7. นำไข่ขาวมาตีความเร็วต่ำให้ขึ้นฟองหยาบๆ ใส่ครีมออฟทาทาร์ลงไปตีความเร็วต่ำต่อจนฟองเริ่มละเอียด ทยอยใส่น้ำตาลทรายจนหมดปรับความเร็วกลางตีจนตั้งยอดอ่อนปลายไข่ขาวจะแหลมแต่จะโค้งงอลงมาเล็กน้อย แล้วปรับความเร็วต่ำตัดฟองอากาศ
8. แบ่งไข่ขาว 3 ส่วน นำมาผสมกับส่วนผสมไข่แดง ผสมโดยโฟลไข่จากล่างขึ้นมาข้างบน คอยปาดอ่างรอบๆด้วย ไข่ขาวถ้าตีได้ที่จะโฟลกับส่วนไข่แดงง่ายไม่ยุบจะยุบยาก ผสมส่วนผสมให้เข้ากัน เทใส่พิมพ์เอานิ้วดีดหรือเคาะฐานพิมพ์เบาๆ ยกอบ 170 องศาเซลเซียส นาน 25-30 นาที เวลาอบขึ้นอยู่กับเตาอบแต่ละคนค่ะ (ถ้าใครใช้พิมพ์แบบปอนด์เค้กกลมอบประมาน 40 นาที)
9. อบเสร็จแล้วกระแทกพิมพ์เบาๆคว้ำลงตะแกรงที่มีกระดาษไขรอง ถ้าไม่อยากให้หน้าเป็นรอยตะแกรง พักไว้ซักแป๊ปนึง เอาสปาตูล่าหรือมีดบางๆแซะขอบขนมข้างๆพิมพ์เบาๆขนมก็จะหลุดจากพิมพ์ออกมา ทิ้งไว้ซัก 10 นาทีค่อยลอกกระดาษไขออก เพราะถ้าลอกตอนเอาออกจากเตาใหม่ๆจะลอกยาก

ส่วนผสมและวิธีทำหน้าเนยสด

1. เนยสด 110 กรัม
2. เนยขาว 30 กรัม
3. น้ำตาลเม็ดละเอียด 3-4 ช้อนโต๊ะ

ตีเนยสดและเนยขาวให้เป็นครีม แล้วทยอยใส่น้ำตาลจนพอขึ้นฟูเล็กน้อย ไม่ต้องฟูมาก ก็นำมาทาปาดหน้าขนมได้เลย เอาปลายสปาตูล่าลากเป็นเส้นจากซ้ายมาขวา ขวามาซ้ายจนสุดขอบขนมค่ะ เอาไปแช่ตู้ย็นให้เนยเซ็ทตัวแล้วตัดค่ะ

วันจันทร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2560

ผักโขมอบชีส (โฮมเมด)

ผักโขมอบชีส (โฮมเมด)

ส่วนผสมผักโขมอบชีส (โฮมเมด)

1. ผักโขมแช่แข็ง (ยี่ห้อ Aro ในแม็คโครมีขาย)
2. หอมหัวใหญ่ซอย
3. นมสดจืดขวดเล็ก (ใช้วิปปิ้งครีมแทนได้ค่ะ)
4. แป้งสาลีเอนกประสงค์ (แป้งว่าว) 1 ช้อนโต๊ะ
5. แฮม (หมูหรือไก่ตามชอบ)
6. เกลือ 1/2 ช้อนชา
7. เนย 2 ช้อนโต๊ะ
8. มอสซาเรลล่าชีสแบบขูดเส้น
9. มอสซาเรลล่าแบบก้อน นำมาสไลด์เป็นแผ่น (ไม่มีไม่เป็นไรค่ะแค่ชีสขูดเส้นก็เยิ้มแล้ว ชีสแผ่นเหมาะสำหรับเอามาคลุมด้านหน้าในกรณีที่เรามีชีสไม่มาก)
10. พริกไทย
11. น้ำตาลนิดหน่อย
12. ออริกาโน่
13. ถาดฟลอยด์
14. เตาอบ (อบดีกว่าใช้ไมโครเวฟ)

วิธีทำผักโขมอบชีส (โฮมเมด)

1. นำผักโขมไปละลายน้ำแข็งและล้างน้ำรอบนึง จากนั้นยกขึ้นให้สะเด็ดน้ำ นำมาสับหยาบๆ ตอนกินจะได้กินง่ายๆ
2. ซอยหัวหอมใหญ่แบบเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าอันเล็กๆ
3. หั่นแฮมเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ
4. ตั้งกระทะใส่เนยลงไป 2 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยหอมหัวใหญ่ผัดให้เข้ากัน
5. ใส่แป้งเอนกประสงค์ลงไป 1 ช้อนโต๊ะ
6. ใส่แฮมลงไป ตามด้วยนมสดประมาณ 1/2 ขวด จากนั้นผัดอย่าให้จับกันเป็นก้อน
7. ใส่ผักโขมลงไป ตามด้วยนมที่เหลือ เติมน้ำตาล พริกไทย และเกลือ จากนั้นชิมรสตามชอบ
8. ผัดเสร็จให้ตักใส่ถ้วยฟอยด์ โรยด้วยชีสขูดเส้น และโปะด้วยชีสแผ่น
9. นำเข้าอบไฟบน-ล่าง อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 15-20 นาที

บลูเบอรี่ชีสพาย (สูตรครีมชีสเข้มข้นสุดๆ)

บลูเบอรี่ชีสพาย (สูตรครีมชีสเข้มข้นสุดๆ) ขนมที่กินแล้วสดชื่น เปรี้ยวๆหวานๆ แถมไม่ต้องใช้เตาอบด้วย ใครจะเอาไปทำขายก็ได้ค่ะ สูตรนี้ครีมชีสเข้มข้นสุดๆ เพราะใส่ไข่ด้วย แต่ไม่ต้องอบ

ส่วนผสมบลูเบอรี่ชีสพาย

ฐานแครกเกอร์

1. แครกเกอร์ 90 กรัม
2. เนยเค็ม 60 กรัม

ตัวชีสเค้ก

1. เจลาตินแบบแผ่น (แผ่นละ 5 กรัม) 1 แผ่น
2. น้ำตาลทรายขาว 40 กรัม
3. น้ำ 15 กรัม
4. ไข่แดง (ไข่ไก่) 2 ฟอง
5. ครีมชีส 125 กรัม
6. น้ำมะนาว 20 กรัม
7. วิปปิ้งครีม 100 กรัม

วิธีทำบลูเบอรี่ชีสพาย

1. ใช้แครกเกอร์ 90 กรัม นำแครกเกอร์มาบดให้ละเอียด ใครมีเครื่องบดใช้ได้เลยนะคะ ใครไม่มีก็เอาใส่ถุง ทุบๆให้ละเอียด (ละเอียดเท่าไหร่ยิ่งดีนะคะ ถ้าหยาบมากไป ตอนทานฐานจะแตกค่ะ)
2. ใส่เนยเค็มละลายลงในแครกเกอร์ที่บดแล้ว ผสมให้เข้ากัน
3. นำพิมพ์แบบที่ถอดก้นได้ ทาด้วยเนยขาวบางๆ (ถ้าใครจะใส่แบบกระทงฟอยล์ข้ามขั้นนี้ไปเลยจ้า)
4. นำแครกเกอร์ที่ผสมกับเนยแล้วมากรุลงในพิมพ์ให้หนาประมาณ 1 เซนติเมตรก็พอค่ะ แล้วกดให้แน่นๆ ต้องแน่นๆเลยนะ ไม่งั้นฐานจะแตกค่ะ (สามารถทำได้แบบเดียวกันกับกระทงฟอยล์ค่ะ) เสร็จแล้วก็นำไปแช่ช่องแข็ง 30 นาที
5. แช่เจลาตินแบบแผ่น 5 กรัม ในน้ำเย็น เพื่อให้เจลาตินพองตัว ประมาณ 20-30 นาที
6. ทำน้ำเชื่อมโดยละลายน้ำ 15 กรัมกับน้ำตาลทราย 40 กรัม ตั้งไฟให้เดือด แล้วยกลง
7. แยกไข่แดง 2 ฟอง ค่อยๆใส่น้ำเชื่อมที่เดือดแล้วทันทีในไข่แดง ต้องใส่ทันทีนะคะ อย่าทิ้งไว้นาน แล้วตีไข่แดงตลอดการใส่น้ำเชื่อม ขั้นตอนนี้จะทำให้ไข่ค่อยๆสุก การที่ค่อยๆใส่จะทำให้ไข่ไม่เป็นลิ่มค่ะ แล้วถ้าน้ำเชื่อมไม่เดือดไข่แดงจะคาวนะคะ
8. ตีจนไข่แดงกลายเป็นสีเหลืองนวล แล้วใส่ครีมชีสลงไปตีให้เข้ากัน
9. ตีวิปปิ้งครีมในอ่างผสมอีกใบ ตีจนตั้งยอดอ่อน แล้วพักไว้
10. นำเจลาตินที่อิ่มน้ำแล้วเข้าไมโครเวฟ 30 วินาที หาอะไรปิดภาชนะด้วยนะคะ ไม่งั้นเจลาตินจะแห้งติดภาชนะ
11. ผสมส่วนของไข่แดงกับวิปปิ้งครีม ค่อยๆตะล่อมให้เข้ากัน
12. ใส่เจลาตินที่ละลายแล้วลงคนให้เขากัน
13. ใส่น้ำมะนาวลงไปคนให้เข้ากัน (ถ้าใครใช้น้ำเลม่อน สามารถเพิ่มปริมาณได้ถึง 30 กรัมนะคะ)
14. เทครีมชีสลงในพิมพ์ที่กรุครัชไว้แล้ว เกลี่ยหน้าให้เรียบ เคาะพิมพ์เล็กน้อย จึงนำไปแช่เย็นช่องธรรมดา 2-3 ชั่วโมง
15. เมื่อขนมเซทตัวแล้ว ค่อยๆถอดออกจากพิมพ์ โดยวางพิมพ์บนแก้วน้ำ แล้วค่อยๆดึงพิมพ์ลง
16. แต่งหน้าด้วยแยมบลูเบอรี่ก็เสร็จเรียบร้อย

โอรีโอ้ชีสพาย

โอรีโอ้ชีสพาย ใช้พิมพ์ถอดก้นขนาด 3 ปอนด์ ไม่มีก็ทำลงถ้วยได้ค่ะ

ส่วนผสมโอรีโอ้ชีสพาย

1. โอรีโอ้แถวยาว 5 ห่อ (ห่อละ 30 บาท)
2. เนยสดเค็ม 100 กรัม
3. ครีมชีส 500 กรัม
4. เจลาตินผง 2 ช้อนโต๊ะ + 1/2 ช้อนชา
5. น้ำตาลทรายป่น 150 กรัม
6. น้ำมะนาว (ตามชอบไม่ชอบไม่ต้องใส่)
7. น้ำเย็น 5 ช้อนโต๊ะ
8. วิปปิ้งครีมแดรี่ 200 กรัม

หมายเหตุ : โอรีโอ้ 5 ห่อ แบ่งใช้ 3 ส่วน ทำฐาน 3 ห่อ ผสมกับตัวครีมชีส 1 ห่อ และ ใช้โรยหน้าอีก 1 ห่อ

วิธีทำโอรีโอ้ชีสพาย

1. นำโอรีโอ้ 3 ห่อแรก มาแกะแยกครีมตรงกลางออกไป
2. นำโอรีโอ้ไปบดให้ละเอียดแล้วเทใส่ชามไว้
3. นำเนยไปละลายในไมโครเวฟ 1 นาที ให้เป็นน้ำ แล้วพักให้อุ่น
4. นำเนยที่ละลายเทผสมกับโอรีโอ้ที่บด คลุกให้เข้ากัน
5. นำไปกรุลงในพิมพ์ขนาด 3 ปอนด์ ใช้ส้อมช่วยกดให้แน่นๆค่ะ
6. นำไปแช่เย็น 6-7 ชั่วโมง หรือทิ้งข้ามคืนไปเลยก็ได้
7. เมื่อครบนำออกมาจากตู้เย็น แล้วเตรียมครีมชีส 2 กล่องออกมาพักไว้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 40 นาที แล้วนำไปตีความเร็วสูงให้ละเอียด
8. ค่อยๆเติมน้ำตาลลงไป ตีให้เข้ากัน
9. นำเจลาตินไปละลายกับน้ำสะอาดแช่ไว้ 15 นาทีจนอืด จากนั้นนำใส่หม้อตั้งไฟคนให้ละลาย แล้วนำมาเทใส่อ่างผสมที่มีครีมชีส
10. เติมน้ำมะนาวลงไป ตีต่อให้เข้ากัน จากนั้นเติมวิปปิ้งครีมลงไป
11. ตีส่วนผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน
12. หักโอรีโอ้เป็นชิ้นๆแล้วใส่ลงไป (ใช้1ห่อ)
13. นำไปเทลงบนฐานที่เตรียมเอาไว้
14. โรยหน้าด้วยโอรีโอ้แล้วนำไปแช่ตู้เย็น 1-2 ชั่วโมง
15. เมื่อครบให้ใช้มีดแซะขอบแล้วยกก้นพิมพ์ขึ้นมา ตัดเป็นชิ้นแล้วจัดเสิร์ฟ

วันพุธที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2560

ชิฟฟ่อนใบเตยหน้าเนื้อมะพร้าวอ่อน (สูตรคุณ Sky)

ชิฟฟ่อนใบเตยหน้าเนื้อมะพร้าวอ่อน (สูตรคุณ Kachen Sky)

ส่วนผสมชิฟฟ่อนใบเตยหน้าเนื้อมะพร้าวอ่อน

1. แป้งเค้ก 120 กรัม
2. ผงฟู 1/2 ช้อนชา
3. วานิลลาผง 1/2 ช้อนชา
4. ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 5 ฟอง
5. นมข้นจืด 100 กรัม (หรือน้ำมะพร้าวก็ได้เอาตามสะดวก)
6. ใบเตย 5 ใบ
7. น้ำมันพืช 80 กรัม
8. น้ำตาลทราย 170 กรัม
9. เกลือสัก 2 จีบมือ
10. เนื้อมะพร้าวอ่อนขูด

วิธีทำชิฟฟ่อนใบเตยหน้าเนื้อมะพร้าวอ่อน

1. วอร์มเตาที่ 180 องศา ไฟบนล่าง ถาด 8x8 ปูกระดาษไขเตรียมไว้
2. ร่อนแป้ง ผงฟู วานิลลาผง และน้ำตาล (แบ่งจาก 170 มาบดในโถ 80 กรัม) ร่อนประมาณ 3-4 รอบ
3. แยกไข่แดงและไข่ขาว ใช้ไข่แดงแค่ 4 ฟอง นำนมข้นจืด+ใบเตยคั้นให้ได้กลิ่นและสีเขียวอ่อนๆ เติมลงไป ใส่เกลือ คนให้เข้ากันกับไข่ด้วยตะกร้อมือ
4. ตีไข่ขาวเริ่มด้วยสปีดกลาง จนเกิดฟอง จึงเริ่มเติมน้ำตาลส่วนที่เหลือจากแบ่งไปปั่นเรื่อยๆจนหมด ตีจนไข่ขาวฟูไม่ต้องตั้งยอดแข็ง ยกตะกร้อแล้วให้โน้มพับลงมาอย่างช้าๆเป็นใช้ได้ เตรียมไว้
5. กลับมาที่ชามผสมที่มีไข่ผสมนมข้นจืดที่นำไปคั้นใบเตย ให้ใส่น้ำมันพืชลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นก็ร่อนแป้งลงไป โดยกะให้ได้ประมาณ 2 ครั้ง ใช้ตะกร้อมือคน 4-5 ครั้ง แล้วเติมส่วนที่เหลือร่อนลงไป คนให้เข้ากันโดยการคนให้เป็นตัว Z
6. เติมเมอแรงไข่ขาวที่ตีไว้แล้วลงไป แบ่งให้ได้ 2 ครั้ง คนวนถึงก้นอ่าง ยกตะกร้อขึ้น ก็คนใหม่ทำแบบนี้สัก 10 ครั้ง ก็เติมเมอแรงที่เหลือลงไป คนให้เข้ากันใช้เวลลาไม่เกิน 30 วินาที
7. เทส่วนผสมที่เสร็จแล้วลงบนถาดที่รองกระดาษไข ยกให้สูงนิดเพื่อไล่ฟองอากาศ กระแทกถาดยกให้สูงประมาณ 1-2 ฝ่ามือสัก 2-3 ครั้ง วางหน้าขนมด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน ยกเข้าเตาอบ ประมาณ 20-25 นาที แล้วแต่ขนาดของเตา (เช็คการสุกของขนมโดยใช้ไม้จิ้มฟันจิ้ม ถ้าไม่มีแป้งติดถึงมา ก็แปลว่าสุกแล้ว)
8. เมื่อขนมสุก ยกออกจากเตา วางไว้กลั้นหายใจแปป ทนไม่ได้ยกกระแทกทีนึง แซะออกจากถาด ไม่ต้องคว่ำหน้าก็ได้ลอกกระดาษรอบขอบขนมก็พอ ทิ้งให้เย็นตัวลง ค่อยนำเข้าตู้เย็น เมื่อแช่เย็นแล้ว จะหั่นยังไง เพื่อไม่ให้เนื้อมะพร้าวลากเนื้อขมกระจุยก็เอาตามสะดวก

ข้าวเหนียวแก้วอัญชัน / ข้าวเหนียวแก้วใบเตย

ข้าวเหนียวแก้วอัญชัน / ข้าวเหนียวแก้วใบเตย ใส่กระทงจีบ 2416 ประมาณ 27-30 ถ้วย

ส่วนผสมข้าวเหนียวแก้วอัญชัน / ข้าวเหนียวแก้วใบเตย

1. ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 525 กรัม
2. น้ำสำหรับล้างซาวและแช่ข้าวเหนียว
3. น้ำตาลทราย 370 กรัม (เพิ่มหรือลดหวานได้)
4. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
5. น้ำปูนใส 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำดอกอัญชัน 3 ช้อนโต๊ะ (ถ้าจะทำรสใบเตย ให้ใส่น้ำใบเตยเข้มข้น 1 ถ้วยตวงแทนได้)
7. หัวกะทิข้นๆ (1) 195 กรัม (ผสมกับข้าวเหนียว)
8. หัวกะทิข้นๆ (2) 295 กรัม (ผสมกับน้ำตาลทราย)
9. งาขาวคั่วตามชอบ

อุปกรณ์ : ถ้วยจีบ,กระทะ,พายไม้

** การคั้นน้ำดอกอัญชัน ต้มน้ำให้ร้อนจัด ดับไฟใส่ดอกอัญชัน (เด็ดขั้วเขียวออกก่อนนะคะ) กดให้จมน้ำ ให้น้ำได้สีน้ำเงินเข้ม กรองเอาแต่น้ำมาใช้

** การคั้นน้ำใบเตย นำใบเตยหอมปั่นกับน้ำดื่ม ให้ได้สีเข้มเท่าที่ต้องการ กรองและบีบ ตอนกรองแล้วเอาน้ำมาใช้

** การคั่วงาขาว ตั้งกระทะใส่งาลงไป คั่วให้มีเสียงเป๊าะแป๊ะ และมีกลิ่นหอม แล้วดับไฟ

วิธีทำข้าวเหนียวแก้วอัญชัน / ข้าวเหนียวแก้วใบเตย

1. ล้างซาวข้าวเหนียวกับน้ำประมาณ 3 รอบ แล้วแช่น้ำไว้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง
2. ครบเวลาแล้วซาวน้ำออก เทน้ำใส่หม้อประมาณ 1 ใน 3 ของหม้อ เอาหวดวางบนหม้อ เทข้าวเหนียวลงบนหวด ปิดฝา นึ่งไฟแรงสุด
3. เมื่อนึ่งผ่านไป 10 นาที เปิดฝากลับด้านข้าวเหนียว เขี่ยให้กระจายนิดๆแล้วนึ่งต่ออีกประมาณ 12 นาที
4. นำข้าวเหนียวที่นึ่งแล้ว ไปคนผสมกับหัวกะทิ (1)
5. นำน้ำตาลทราย ,หัวกะทิ(2) ,เกลือ และน้ำปูนใส ใส่ลงกระทะ คนผสมรวมกัน แล้วนำตั้งไฟกลาง
6. กวนจนเริ่มข้นขึ้น แล้วใส่ข้าวเหนียวที่ผสมกับกะทิเอาไว้ลงไป เคี่ยวจนเริ่มงวด
7. เมื่องวดขึ้นแล้ว ให้ใส่น้ำอัญชันลงไป กวนให้แห้งเสร็จเรียบร้อย
8. ตักใส่ถ้วยจีบ โรยด้วยงาขาวคั่ว

สำหรับข้าวเหนียวแก้วใบเตย ให้ใช้น้ำใบเตยเข้มข้น จะใส่ไปพร้อมกะทิส่วนที่2 หรือจะใส่ทีหลังเหมือนสูตรอัญชันก็ได้ค่ะ

วันจันทร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560

โดนัททอด / โดนัททอดช็อคโกแลต (สูตรโดนัทยีสต์)

โดนัททอด / โดนัททอดช็อคโกแลต  (สูตรโดนัทยีสต์) สูตรนี้ได้โดนัทประมาณ 18 ชิ้น
ส่วนผสมโดนัททอด (สูตรโดนัทยีสต์)

1. แป้งขนมปัง (ตราห่าน) 400 กรัม
2. แป้งเค้ก (ตราพัดโบก) 100 กรัม
3. เกลือป่น 7 กรัม
4. น้ำเย็น 225 กรัม
5. เนยสดเค็ม 75 กรัม (หรือจะใช้มาการีนแทนได้ ตามชอบค่ะ)
6. นมผง 20 กรัม
7. ยีสต์แห้งชนิดทำขนมปังหวาน 10 กรัม
8. ไข่ (เบอร์ 2) 1 ฟอง
9. น้ำตาลทราย 90 กรัม
10. วนิลาผง 1/2 ช้อนชา
11. กลิ่นนมเนย 1/2 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำโดนัททอด (สูตรโดนัทยีสต์)

1. ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน (ยกเว้นเนยสด)
2. ตีพอส่วนผสมเข้ากัน ใส่เนยลงไป
3. ตีจนแป้งเนียน ไม่ติดมือ ขึงเป็นฟิล์ม
4. ตัดแป้ง 50 กรัม แล้วคลึงกลม นำมาวางบนถาดที่โรยแป้งนวลไว้
5. ใช้นิ้วกดตรงกลางให้เป็นรู แล้วใช้นิ้วชี้ทั้งสองมือขยายรูให้กว้าง ตัดแป้งแล้วคลึงวางจนหมด ก็กดรูแล้วขยายรูให้กว้างทำจนครบ หาผ้าคลุมบนผิวขนมและพักไว้จนขึ้นเป็น 2 เท่า
6. ตั้งน้ำมัน ใช้ไฟกลาง พอน้ำมันร้อนหรี่ไฟให้อ่อนลงกว่าเดิม หยิบแป้งโดนัทลงทอด พอเหลืองกลับ 1 ครั้ง (อย่ากลับไปกลับมานะคะ กลับครั้งเดียว โดนัทสุกง่ายมากค่ะ)
7. วางโดนัทในแผ่นซับมัน แล้วนำมาโรยน้ำตาลตามชอบ หรือจะเคลือบช็อคโกแลตก็ได้ค่ะ (นำช็อคโกแลตมาตุ๋น เติมเนยสดไปนิดหน่อย แล้วนำมาชุบเคลือบหน้าโดนัท โรยท้อปปิ้งตามชอบเลยค่ะ)

สำหรับใครที่จะทำโดนัททอดช็อคโกแลต ให้ลดแป้งขนมปังลง 40 กรัม แล้วเพิ่มโกโก้ 40 กรัม เพิ่มน้ำเย็น 20 กรัม

ชูครีมนมสด สูตรคุณเดียร์ (คนไทยเรียกเอแคลร์นมสด)

ชูครีมนมสด สูตรคุณเดียร์ (คนไทยเรียกเอแคลร์นมสด) ชูครีมนมสดแป้งนุ่ม แช่ตู้เย็น

ส่วนผสมและวิธีทำชูครีมนมสด สูตรคุณเดียร์ (คนไทยเรียกเอแคลร์นมสด)

ตัวแป้งชูครีม

1. แป้งเค้ก (ยี่ห้อพัดโบก) 110 กรัม
2. น้ำ 195 กรัม
3. เนยสดจืด 95 กรัม
4. ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 3 ฟอง
5. ผงฟู 1 ช้อนชา
6. น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
7. เกลือ 1/2 ช้อนชา
 
วิธีทำตัวแป้งชูครีม

1. วอร์มเตาอบไฟ 200 องศาเซลเซียส ไฟบนล่าง เตรียมไว้
2. ร่อนแป้งเค้กและผงฟูพักไว้
3. ตั้งหม้อต้มน้ำกับเนย เกลือ น้ำตาลทรายจนเดือด ใช้ไฟกลางๆ จากนั้นเทแป้งใส่ลงในหม้อคนให้ไวๆเข้ากันดีจนร่อนไม่ติดหม้อ ยกลงพักไว้ให้อุ่น
4. พออุ่นแล้ว ใส่ไข่ลงไปทีละฟองสลับกับตีจนเนื้อแป้งเนียน
5. นำแป้งที่ได้ไปใส่ถุงบีบ แล้วบีบลงบนถาด ยกเข้าอบไฟบนล่าง 20 นาที และลดอุณหภูมิเหลือ 180 องศาเซลเซียส อบต่ออีก 8-10 นาที จนเหลืองนวล (ห้ามอยากรู้อยากเห็นเปิดเตาดู มันจะฟีบลงทันที) 6. พอสุกยกออกมาพักไว้บนตะแกรงจนเย็น แต่ถ้าอบหลายถาด ถาดหลังๆควรดูเตาด้วยนะคะ เพราะความร้อนสะสมในเตามีอยู่ค่ะ

ไส้ครีมนมสด

1. นมข้นจืด 380 กรัม
2. น้ำเปล่า 380 กรัม
3. น้ำตาลทราย 120 กรัม
4. ไข่ไก่ 2 ฟอง
5. แป้งข้าวโพด 85 กรัม
6. วนิลา 1 ช้อนโต๊ะ
7. เนยสดเค็ม 80 กรัม

วิธีทำไส้ครีมนมสด

ผสมส่วนผสมทั้งหมดคนให้เข้ากัน (ยกเว้นเนย) แล้วยกขึ้นไปกวนบนเตาใช้ไฟอ่อน กวนจนเป็นรอยตะกร้อ แล้วค่อยใส่เนยสดคนให้เข้ากัน ปิดไฟยกลง รอให้ไส้เย็น ก็จัดบีบลงแป้งชูครีม

*** เวลาบีบไส้รอให้ทั้งแป้งและไส้เย็นสนิทก่อน ขนมจะไม่เสียเร็วค่ะ ***

เรดเวลเวทชีสเค้กบราวนี่ (Red Velvet Cheesecake Brownie)

เรดเวลเวทชีสเค้กบราวนี่ (Red Velvet Cheesecake Brownie)

ส่วนผสมเรดเวลเวทชีสเค้กบราวนี่ (Red Velvet Cheesecake Brownie)

ส่วนผสมเรดเวลเวท

1. ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 2 ฟอง
2. น้ำตาลทราย 200 กรัม
3. ผงโกโก้ 15 กรัม
4. เนยเค็ม 110 กรัม
5. แป้งอเนกประสงค์ 90 กรัม
6. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
7. สีผสมอาหาร สีแดง

ส่วนผสมชีสเค้ก

1. ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 1 ฟอง
2. น้ำตาลทราย 50 กรัม
3. ครีมชีส 220 กรัม
4. แป้งอเนกประสงค์ 10 กรัม
5. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

วิธีทำเรดเวลเวทชีสเค้กบราวนี่ (Red Velvet Cheesecake Brownie)

1. นำเนยเค็มไปละลาย
2. ตีไข่ไก่กับน้ำตาลทราย แล้วตามด้วยผงโกโก้ แป้งอเนกประสงค์ตีให้เข้ากัน
3. ใส่เนยละลาย ลงไปคนผสม
4. ใส่กลิ่นวานิลลาและสีผสมอาหารสีแดง
5. ใส่ลงในพิมพ์และแบ่งไว้ประมาน 3 ช้อนโต๊ะ สำหรับหยอดด้านบน
6. มาทำส่วนของชีสเค้ก ด้วยการตีครีมชีสกับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน
7. ใส่ไข่ไก่ แป้งอเนกประสงค์ และกลิ่นวานิลลา ตีผสมให้เข้ากัน
8. เทลงในพิมพ์ที่มีเรดเวลเวท
9. จากนั้นหยอดแป้งเรดเวลเวทที่แบ่งไว้ลงด้านบน
10. ใช้ไม้ปลายแหลม หรือไม้พาย ทำลวดลายบนหน้าเค้ก
11. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เวลาประมาน 20-25 นาที
12. เมื่ออบสุก นำออกจากเตา พักให้เย็นบนตระแกรงพักขนม เมื่อขนมเย็นแล้วตัดเป็นชิ้นทานได้เลยค่ะ

ชิฟฟ่อนกล้วยหอม

ชิฟฟ่อนกล้วยหอม

ส่วนผสมชิฟฟ่อนกล้วยหอม

1. แป้งเค้ก 100 กรัม
2. น้ำตาลแดง (โอวทึ้ง) 30 กรัม
3. น้ำตาลทราย 30 กรัม
4. ไข่เบอร์ 2 จำนวน 4 ฟอง
5. น้ำมันรำข้าว 40 มิลลิลิตร (หรือน้ำมันที่มีก็ใช้ได้ตามสบาย)
6. กล้วย 100 กรัม

วิธีทำชิฟฟ่อนกล้วยหอม

1. นำกล้วย น้ำตาลแดง ไข่แดง ใส่โถปั่นให้ละเอียด ระหว่างนั้นวอร์มเตาที่ 165 องศา ไฟบนล่าง
2. ใส่แป้งลงไป ตามด้วยน้ำมัน คนให้เข้ากันพักไว้
3. ตีไข่ขาวกับน้ำตาลทรายที่เหลือให้ตั้งยอดอ่อน
4. นำไข่ขาวที่ได้มาผสมกับส่วนแรกที่เตรียมไว้ให้เข้ากัน เทใส่ถาดเข้าอบจนสุก

*** จะวางกล้วยบนหน้าหลังจากเทลงถาดแล้วก็ได้ วางเสร็จก็เข้าอบ สุกแล้วจะได้ชิฟฟ่อนกล้วยหอมหน้าสวยๆ ***

คำแนะนำ

- เปลี่ยนแปลงส่วนผสม อัตราชั่งตวงวัด เพิ่ม-ลดได้ตามชอบ
- ใช้ถาด 8 x 8 นิ้ว (จะได้ขนมแบน) / ถาด 7 x 7 (จะได้ขนมสูงหนา)
- ตีไข่สวย ขนมก็เนื้อฟูสวย
- สูตรนี้ใช้เตาอบ จะ นึ่ง ทอด ปิ้ง ย่าง อังไฟ ไปทำเอาเอง
ขับเคลื่อนโดย Blogger.