วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ข้าวเหนียวตัดหน้ามันม่วง

ข้าวเหนียวตัดหน้ามันม่วง

ส่วนผสมข้าวเหนียวตัดหน้ามันม่วง

ส่วนข้าวเหนียว

1. ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 400 กรัม
2. หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
3. น้ำ 1/2 ถ้วยตวง
4. เกลือ 1/2 ช้อนชา
5. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง

หน้ามันม่วง

1. หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
2. มันม่วงต้มสุก 500 กรัม
3. น้ำตาลทราย 260 กรัม (ลดเพิ่มตามชอบ)
4. เกลือ 2 ช้อนชา
5. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง (ถ้าชอบหน้าให้ข้นขึ้นให้ใส่ 1+1/2 ถ้วยตวง)
6. สีม่วงนิดหน่อย

วิธีทำข้าวเหนียวตัดหน้ามันม่วง

1. นำข้าวเหนียวเขี้ยวงูมาแช่น้ำประมาณ 4-5 ชั่วโมง เอาขึ้นกรองให้สะเด็ดน้ำ

ทริคพิเศษ
* กรณีขี้เกียจแช่ข้าวเหนียวนานให้ใช้วิธีนี้ค่ะ ล้างข้าวเหนียวให้สะอาดสงให้สะเด็ดน้ำ
* ต้มน้ำให้เดือดๆ ปิดไฟ นำข้าวเหนียวที่ล้างแล้วเทลงในน้ำเดือด คนๆๆสักหน่อย แล้วแช่ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที เดี๋ยวข้าวจะบานเกิน แล้วสงขึ้นให้สะเด็ดน้ำ ช่วยร่นระยะเวลาในการแช่ข้าวไปเยอะเลย

2. นำรังถึงใส่น้ำครึ่งหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟให้เดือด ใส่ถาดหรือพิมพ์ลงนึ่งก่อน 5 นาที
3. ผสมหัวกะทิ + น้ำ + น้ำตาลทราย + เกลือรวมกัน คนให้น้ำตาลละลาย ลองชิมดู
4. นำข้าวเหนียวเทใส่ถาดพิมพ์ แล้วเทส่วนกะทิที่ผสมแล้วลงไป เกลี่ยให้เสมอกัน นึ่งประมาณ 17-20 นาที

**วิธีกวนหน้ามันม่วง**

5. เทหัวกะทิ + น้ำตาล + เกลือ + แป้งข้าวจ้าวลงผสมเข้าด้วยกันคนให้ละลาย
6. ยกขึ้นตั้งไฟคนพอเดือดเบาๆ ใส่มันม่วงต้มสุกลงคนให้ส่วนผสมเข้ากัน ชิมรสตามชอบ ใส่สีม่วงนิดหน่อย เพื่อสีที่สวยขึ้น
7. เทราดบนข้าวเหนียวที่นึ่งสุกพอดี นึ่งต่ออีกประมาณ 10-15 นาที ก็เป็นอันเสร็จ

หมายเหตุ
 
* เวลาใส่ข้าวเหนียวลงพิมพ์ ไม่ต้องกระแทกพิมพ์ เพราะจะทำให้ข้าวเหนียวแน่นเกินไป
* ถ้าเป็นข้าวเหนียวใหม่ ให้ลดเวลาในการแช่น้ำลงอีก
* ถ้าชอบหน้าขนมเนื้อเนียน ให้เอาส่วนผสมไปปั่นให้ละเอียดค่ะ
* ใช้ถาดขนาด11*11 นิ้ว
* หน้าขนมจะออกหวานถ้าใครไม่ชอบหวานแนะนำให้ลดน้ำตาลลงค่ะ
* สามารถปรับเปลี่ยนเป็นหน้าเผือก หน้ามะม่วง หน้าใบเตย หน้าสังขยาชาไทยหรืออื่นๆก็ได้

ไอศครีมซอเบย์มะม่วงสดราดกะทิ

ไอศครีมซอเบย์มะม่วงสดราดกะทิ เสิร์ฟทานกับข้าวเหนียมูนและมะม่วงสุก

ส่วนผสมไอศครีมซอเบย์มะม่วงสดราดกะทิ

1. มะม่วงสุก 1 ลูกใหญ่
2. มะนาว 1/2 ลูก
3. น้ำตาล 1/2 ถ้วย
4. น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
5. ไข่ขาว (จากไข่ไก่) 1 ฟอง

วิธีทำไอศครีมซอเบย์มะม่วงสดราดกะทิ

1. ปอกเปลือกมะม่วง แล้วหั่นแต่เนื้อตัดเป็นชิ้นเล็ก ใส่ลงเครื่องปั่นจนละเอียด ต้องละเอียดจนเป็นน้ำซอสเลยนะคะ แล้วนำมากรองด้วยกระชอนตาถี่มากๆ เพื่อแยกเอาเสี้ยนเล็กๆจากเนื้อมะม่วงออก ไอศครีมจะได้เนื้อเนียนละเอียด เวลาทานจะได้ไม่สะดุดลิ้น
2. เทน้ำเปล่าใส่หม้อ ยกขึ้นตั้งไฟแล้ว ใส่น้ำตาลตามลงไปคนจนละลาย แล้วยกออก รอจนเย็นตัว
3. นำซอสมะม่วงลงกลับเข้าเครื่องปั่น ค่อยๆเทผสมน้ำเชื่อมที่เย็นแล้วลงไป ค่อยๆปั่นด้วยสปีดต่ำจนเข้ากันดี
4. ใส่ไข่ขาวลงไป เร่งสปีด เพื่อทำให้ไข่จาวกระจายตัวได้ดี ปั่นจนเห็นความฟูนุ่ม หยุดเครื่องปั้น แล้ว บีบน้ำมะนาวลงไปนิดๆ เพิ่มความหอมและช่วยดึงรสมะม่วงให้ชัดเจนขึ้น ใช้ช้อนคนให้เข้ากัน
5. ถ้าบ้านไหนมีเครื่องทำไอศครีมจะง่ายมาก แค่เปิดเครื่องปั่นจนซอร์เบย์เหลวเกือบจะแข็งตัว แล้วถ่ายใส่ภาชนะที่ทนความเย็นจัดได้ดี เอาแช่ช่องฟรีซประมาณ 4 ชั่วโมง ก็จะได้ซอร์เบย์พร้อมตักเป็นสกู๊ปได้แล้วค่ะ
6. ถ้าไม่มีเครื่อง ให้นำส่วนผสมทั้งหมดเทใส่ภาชนะที่ทนความเย็นได้ดีและสื่อความเย็นได้ดี (แนะนำ ถาดหรือกระป๋องแสตนเลส) แล้วเข้าช่องฟรีซไว้ 10-15นาที แล้วนำออกมาตีด้วยตะกร้อมือ เพื่อให้ส่วนผสมไม่แยกตัว ทำอย่างนี้ทุก 15 นาที จนเนื้อซอร์เบย์เริ่มจับตัว ไม่แยกส่วนผสมออกจากกัน ค่อยปล่อยแช่ทิ้งไว้ 6 ชั่วโมงขึ้นไป ก็จะได้ซอร์เบย์รสมะม่วงเนื้อเนียนไว้ทานแล้วค่ะ

หมายเหตุ

- น้ำตาล ลด/เพิ่ม ได้ตามชอบ มะม่วงที่เมืองไทยมีหลายชนิด หวานมากน้อยต่างกัน หรือรักสุขภาพไม่ต้องเติมน้ำเชื่อมก็ได้
- ใช้น้ำผึงแทนน้ำตาลก็ได้ จะได้ซอร์เบย์ที่มีกลิ่นน้ำผึ้งหอมไปอีกแบบ
- ไข่ขาว ไม่ใส่ก็ได้ แต่ที่ใส่เพื้อช่วยเนื้อสัมผัสให้มีความนุ่มมากขึ้น
- ก่อนบีบมะนาว ให้ล้างมะนาวให้สะอาด เพราะอยากให้บีบแบบที่น้ำมันจากผิวออกมาด้วย จะดึงรสชาติ และเพิ่มความหอมดีมากเลยค่ะ อย่าให้เม็ดตกลงไปนะคะ
- วิธีการทำซอร์เบย์นี้ นำไปปรับใช้ได้กับผลไม้ทุกชนิด ถ้าเป็นตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ จะกรองเนื้อออกก็ได้ หรือไม่กรองก็ได้ มีเสน่ห์ต่างกัน ได้เนื้อสัมผัสต่างกัน
- ที่เน้นว่าให้ใช้ภาชนะที่ทนความเย็นได้ดี เพราะอลูมิเนียม หรือพลาสติคบางประเภทไม่ได้ทำมาเพื่อทนต่อความเย็น/ความร้อน เมื่อเราเอามาใช้ผิดจุดประสงค์ของผู้ผลิต พลาสติกพวกนี้จะคายสารเคมีบางชนิดออกมาปนเปื้อนกับอาหาร โดยที่เราไม่รู้ตัว แล้วก็จะสะสมในร่างกายเรานะคะ

บิงซูมะม่วง

บิงซูมะม่วง

ส่วนผสมบิงซูมะม่วง

1. นมสดจืด 450 มิลลิลิตร (หรือ 1 ขวด)
2. นมข้นหวาน 1/4 ถ้วย
3. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก 1-2 ลูก
4. นมข้นสำหรับราด

วิธีทำบิงซูมะม่วง

1. ผสมนมสดจืดกับนมข้นหวานให้เข้ากัน แล้วเทใส่ถุงซิป นำแช่ฟรีซ 3 ชั่วโมง หรือจนกว่านมสดแข็งตัว
2. ใกล้ถึงเวลาเอานมออกจากฟรีซ ก็มาหั่นมะม่วงให้เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดพอดีคำรอไว้ได้เลยค่ะ
3. นำนมออกจากฟรีซ ก็ใช้ส้อมคนๆ แต่ถ้าแข็งเกินไปก็ใช้ของแข็งทุบเอาค่ะ แล้วก็นำมาใส่ลงในถ้วย ตกแต่งด้วยมะม่วงที่เราหั่นไว้ โปะด้วยไอศกรีมวานิลา และราดด้วยนมข้นหวาน ก็เป็นอันเสร็จ พร้อมทานค่ะ

เครปโรลใบเตยข้าวเหนียวมะม่วง

เครปโรลใบเตยข้าวเหนียวมะม่วง

ส่วนผสมเครปโรลใบเตยข้าวเหนียวมะม่วง

ข้าวเหนียวมูน

1. ข้าวเหนียว 500 กรัม
2. กะทิ 2 ถ้วย
3. น้ำตาล 1 ถ้วย
4. เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ (ชอบเค็มเพิ่มได้)
5. ใบเตยหอม 7-8 ใบ
6. สารส้ม (สำหรับล้างข้าว สารส้มจะช่วยให้ข้าวมีเม็ดขาวใสเวลาไปมูลข้าวใสเรียงตัวสวย)

แป้งเครปใบเตย

1. แป้งเค้ก 120 กรัม
2. กะทิ 50 กรัม
3. ไข่ 3 ฟอง
4. นมสดจืด 260 กรัม
5. ใบเตยหอมสัก 10 ใบ
6. เกลือ 1/2 ช้อนชา
7. น้ำตาล 60 กรัม
8. เนยละลาย 65 กรัม

***น้ำนมสดกะทิไปปั่นพร้อมใบเตย แล้วกรองเอาแต่น้ำ กลิ่นจะหอมมาก แล้วค่อยไปผสมกับแป้ง ***

วิธีทำเครปโรลใบเตยข้าวเหนียวมะม่วง

1. นำสารส้มไปขัดข้าวเหนียวเบาๆ ขัดแบบแห้งก่อน และต่อด้วยขัดแบบน้ำ จนยางข้าวออกน้ำจะขุ่น ทิ้งไว้สักครู่ แล้วนำไปซาวน้ำจนใส แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง (รอบนี้เราแช่ 1 คืนค่ะ)
2. มาทำแป้งเครปใบเตยกันต่อค่ะ (เพราะต้องพักแป้งเหมือนกัน รอบนี้พักในตู้เย็น 1 คืน ใครไม่มีเวลาพักอย่างน้อย 30 นาทีนะคะ)
  • ร่อนแป้งเค้ก 1 รอบ ใส่เกลือลงไป แล้วพักไว้
  • นำนมสดกับกะทิผสมกัน แล้วเอาไปปั่นรวมกับใบเตยแล้วกรอง 2 รอบ  เพื่อจะได้รสและกลิ่นจากใบเตยค่ะ (ส่วนผสมที่ 1)
  • ตีไข่กับน้ำตาลให้เข้ากันดีจนน้ำตาลละลาย (ส่วนผสมที่ 2)
  • แล้วเทส่วนผสมของเหลว (ส่วนผสมที่ 1) ลงไปใน (ส่วนผสมที่ 2) ทีละนิด สลับกับใส่แป้งเค้กลงไปทีละนิด ผสมให้เข้ากัน สลับไปมาจนแป้งและของเหลว (ส่วนผสมที่ 1) หมด ผสมให้เข้ากันดีจนแป้งไม่เป็นเม็ด
  • เติมเนยละลายลงผสมให้เข้ากัน แล้วนำไปกรอง 2 รอบ ใส่ภาชนะ แรปแล้วเก็บในตู้เย็น
3. พอทุกอย่างได้ที่แล้วทั้งข้าวเหนียวและแป้งเครป ก็เริ่มทำกันเลย
  • นำข้าวเหนียวที่แช่น้ำไว้ไปล้างน้ำอีก 1 รอบ แล้วพักให้สะเด็ดน้ำ ระหว่างนั้นก็ตั้งหม้อไว้รอนึ่งข้าว
  • นำข้าวเหนียวไปนึ่งประมาณ 30 นาที เราจะไม่ให้ข้าวสุก 100% ให้สุกประมาณ 80-90% เวลามูลจะได้ไม่เละค่ะ และเมื่อนึ่งครบ 15 นาทีต้องกลับข้าว ข้าวจะได้สุกทั่วถึงกันค่ะ
  • ระหว่างรอข้าวสุก ก็มาทำน้ำกะทิรอ ผสมน้ำกะทิ 2 ถ้วย กับ น้ำตาล 1 ถ้วยคนจนน้ำตาลละลาย นำใบเตยลงไปขยำสักพัก กรอบด้วยกระชอน 1 รอบ
  • พอข้าวสุกก็เทข้าวร้อนๆลงไปมูนในส่วนผสมของกะทิได้เลย
  • ใช้ไม้พายกวนให้ส่วนผสมเข้ากัน แล้วปิดด้วยผ้าขาวบาง กวนซ้ำ 3-4 รอบ จนข้าวดูดน้ำกะทิหมด
4. ระหว่างมูนข้าวเราก็มาทอดเครปไปด้วย นำแป้งเครปที่ผสมไว้ออกจากตู้เย็น รอให้แป้งคลายเย็นก่อนค่ะ แล้วคนผสมให้เข้ากันอีกที
  • ตักแป้งประมาณครั้งละ 1/4 ถ้วย ลงทอดในกระทะ โดยกลิ้งแป้งให้เป็นแผ่นทั่วกระทะ กระทะต้องไม่ร้อนมากนะคะ ใช้ไฟอ่อน ถ้าแป้งเครปสุกตัวแป้งจะร่อนออกจากกระทะ ได้แป้งเครปใบเตยสีเขียวสวยทีเดียว
  • นำมะม่วงสุกมาปอกเปลือก แล้วหั่นมะม่วงเป็นแนวยาว
  • นำแป้งเครปมาวาง ตามด้วยข้าวเหนียมมูล และเนื้อมะม่วง แล้วม้วนโรลให้สวยงามด้วยเสื่อไม้ไผ่ม้วนซูชิ แล้วหั่นให้เป็นคำๆค่ะ
5. พร้อมเสิร์ฟราดด้วยซอสกะทิ ทานได้เลยค่ะ

ตะโก้มันม่วง

ตะโก้มันม่วง (สูตรคุณสาว)

ส่วนผสมตะโก้มันม่วง

ตัวตะโก้

1. แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง
2. แป้งมัน 1/4 ถ้วยตวง
3. แป้งถั่วเขียว 2 ช้อนโต๊ะ (ไม่มีไม่ต้องใส่ค่ะ)
4. น้ำตาล 1+1/2 ถ้วยตวง
5. น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง
6. มันม่วงนึ่งหั่นเต๋า 2 ถ้วยตวง (จะเปลี่ยนไปใช้เป็นเผือก ฟักทอง แห้ว หรืออื่นๆก็ได้ค่ะ)

หน้าตะโก้

1. กะทิ 2 ถ้วยตวง
2. แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วยตวง
3. แป้งถั่วเขียว 1 ช้อนชา (ไม่มีไม่ต้องใส่ค่ะ)
4. เกลือ 2 ช้อนชา

วิธีทำตะโก้มันม่วง

ตัวตะโก้มันม่วง

1. นำแป้งข้าวเจ้า + แป้งมัน + แป้งถั่วเขียวทั้งสามชนิดใส่ลงในอ่างผสม ใส่น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวงลงไป คนให้ละลายดี จากนั้นนำไปกรอง
2. แบ่งมันม่วง 1 ถ้วยตวงไปปั่นกับน้ำเปล่า 1 ถ้วย
3. นำมันม่วงปั่นไปเทใส่ในแป้งที่ละลายไว้ คนให้เข้ากัน
4. จากนั้นใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้เข้ากัน และนำไปตั้งไฟกลางค่อนไปทางอ่อน กวนจนส่วนผสมสุกใส
5. ใส่มันม่วงหั่นเต๋าที่เหลือลงไปคนผสมให้เข้ากัน ปิดไฟยกลง
6. เทใส่พิมพ์ทันที แล้วพักไว้ก่อน (จะทำใส่พิมพ์ ใส่กระทง หรือใส่ถาดก็ได้ตามสะดวกค่ะ)

หน้าตะโก้

1. นำแป้งข้าวเจ้า + แป้งถั่วเขียวทั้งสองชนิด เกลือ เทใส่หม้อ
2. ใส่น้ำกะทิลงไปคนให้แป้งละลายดี
3. นำไปตั้งไฟกลางค่อนไปทางอ่อน กวนจนส่วนผสมเริ่มข้นเป็นครีม ก็ให้ปิดไฟยกลง
4. รีบตักหยอดลงบนตัวขนมที่เตรียมไว้ให้ไวค่ะ ถ้าช้าหน้าขนมจะเริ่มเซตตัวเป็นก้อน เสร็จแล้วจัดเสริฟได้เลยค่ะ

หมายเหตุ

1. เวลากวนขนมให้คอยสังเกตุดู อย่ากวนนานไป เดี๋ยวจะหนืดแข็ง
2. กวนหน้าขนมให้ข้นเป็นครีมกำลังดี อย่ากวนจนแห้งเกิน เพราะพอยกออกจากเตา  หน้าขนมจะแข็งตัวเพิ่ม เมื่อกวนได้ที่แล้ว ให้รีบหยอดหน้าขนม  ถ้าช้าหน้าขนมจะเริ่มเซตตัวเป็นก้อน

เครปเย็นฝอยทอง (เครปโรลฝอยทอง)

เครปเย็นฝอยทอง (เครปโรลฝอยทอง)

ส่วนผสมเครปเย็นฝอยทอง

แป้งเครป

1. ไข่ไก่เบอร์ 2 จำนวน 4 ฟอง
2. นมสดรสจืด 400 มิลลิลิตร
3. น้ำสะอาด 250 กรัม
4. น้ำตาลทรายป่น 85 กรัม
5. น้ำมันข้าวโพด 55 กรัม (ใช้น้ำมันพืชชนิดอื่นได้ ยกเว้นน้ำมันปาล์ม)
6. กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
7. แป้งเค้ก 250 กรัม

ไส้เครปรสฝอยทอง
 

1. ฝอยทอง / Foi thong (ขอใช้ทัพศัพท์)
2. วิปปิ้งครีมแบบไขมันผสม 1000 กรัม
3. น้ำตาลทรายป่น 100 กรัม

*** ในส่วนของปริมาณ ฝอยทอง ครีม ไม่แน่นอน เพราะแต่ละท่านใช้ไม่เท่ากัน ใครใส่เยอะใส่น้อยก็ตามสะดวกนะคะ และเราใช้วิปครีมของ Millac gold รสชาติไม่หวาน เลยเติมน้ำตาล 10% ของน้ำหนักวิปครีมที่ใช้ เช่น ถ้าใช้ 500 กรัม ก็เติมน้ำตาล 50 กรัม หรือจะปรับเพิ่มรสก็ตามชอบค่ะ และถ้าใครใช้ครีมยี่ห้ออื่นๆแนะนำให้ชิมรสก่อนเติมน้ำตาลค่ะ ***


วิธีทำเครปเย็นฝอยทอง



1. เริ่มจากทำแป้งเครปกันก่อน ตอกไข่ใส่ชามผสมและตีไข่ให้เข้ากัน เพื่อไปผสมอย่างอื่นจะได้ง่ายขึ้น
แล้วนำส่วนผสมนมสด น้ำสะอาด น้ำตาล น้ำมันข้าวโพด กลิ่นวานิลลา และแป้งเค้กที่ร่อนแล้วทั้งหมดมาผสมให้เข้ากัน
2. ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน โดยไม่ให้แป้งเป็นเม็ด แล้วนำไปกรองด้วยกระชอน 1 รอบ แรปพลาสติก พักใส่ตู้เย็นเพื่อพักแป้งอย่างน้อย 30 นาที
3. นำแป้งที่พักไว้ออกจากตู้เย็น แล้วคนให้เข้ากันอีกครั้ง
4. ตั้งกระทะก้นแบนด้วยไฟอ่อน ตักแป้งเครปลงไปทอด (ใครจะทาเนยที่กระทะก่อนก็ได้ค่ะ) แล้วกลิ้งให้แป้งเครปให้ทั่วกระทะ (ใช้กระทะ 28 เซนติเมตร ทอดครั้งละ 1/3 ถ้วย) รอให้แป้งสุก แป้งจะร่อนจากกระทะอย่างง่ายดาย และแป้งเครปที่ได้จะบางนุ่มค่ะ
5. ใส่วิปปิ้งครีมลงในชามผสม ใช้เครื่องตีให้ขึ้นฟู ระหว่างตีก็ค่อยๆใส่น้ำตาลทรายป่นลงไปตีด้วยค่ะ ตีจนได้เนื้อครีมฟูเนียนตามต้องการ
6. ใส่ครีมลงกลางแผ่นแป้งเครป วางโปะด้วยฝอยทอง แล้วพับเข้าหากันให้ได้ชิ้นสี่เหลี่ยม เสร็จเรียบร้อย นำเครปเย็นฝอยทองไปแช่เย็นหรือฟรีซก่อน เวลาตัดเป็นชิ้นจะไม่เละและทานตอนเย็นๆจะอร่อยกว่ามากค่ะ (แช่ฟรีซ รสชาติอร่อยขึ้นเหมือนทานไอศกรีมนุ่มๆเลยค่ะ)
ขับเคลื่อนโดย Blogger.